เอเอฟพี - ผลการนับคะแนนใหม่เกือบ 3 ล้านเสียงซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 12 วัน ยืนยันว่ามหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รัฐวิสคอนซินอย่างไม่มีข้อสงสัย เจ้าหน้าที่ประจำรัฐแถลงเมื่อวันจันทร์ (12 ธ.ค.)
ผลการนับคะแนนทั่วทั้งรัฐที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งรัฐวิสคอนซินได้ประกาศออกมาเบื้องต้น พบว่าทรัมป์ชนะฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตไปกว่า 22,000 เสียง หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม 131 เสียง
ก่อนหน้านี้ จิลล์ สไตน์ ผู้สมัครจากพรรคกรีนซึ่งได้เสียงชาววิสคอนซินไปเพียง 1% เป็นหัวหอกเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ที่รัฐแห่งนี้ รวมไปถึงที่มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย
คะแนนจากทั้ง 3 รัฐนี้ถือเป็นตัวตัดสินที่ทำให้ทรัมป์มีชัยในศึกชิงบัลลังก์ทำเนียบขาว
ทรัมป์ ซึ่งติเตียนความพยายามขอนับคะแนนใหม่ว่าเป็นเรื่อง “เสียเวลา” ได้ทวีตข้อความทันทีหลังจากผลโหวตที่วิสคอนซินถูกประกาศ
“ผลการนับคะแนนสุดท้ายที่วิสคอนซินมาแล้ว ทายซิว่าอะไร... เราได้คะแนนเพิ่มมาอีก 131 เสียง”
“เดโมแครตและพรรคกรีนควรจะหยุดได้แล้ว พวกพาล!”
วิสคอนซินเป็นรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาไม่แน่นอน (swing state) ที่เคยโหวตสนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีสายเดโมแครตมาอย่างต่อเนื่องก่อนจะถึงปีนี้
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้เริ่มนับคะแนนใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันผลอย่างเป็นทางการให้ทันกำหนดเส้นตาย 12 ธ.ค.
สไตน์ได้ออกมาพูดแก้เก้อว่า การนับคะแนนใหม่ที่วิสคอนซิน “ไม่ได้มุ่งเปลี่ยนแปลงผลที่ออกมา แต่เพื่อยืนยันผลโหวตว่าใช้ได้ และฟื้นคืนความเชื่อมั่นในระบบเลือกตั้งสหรัฐฯ ให้แก่ชาวอเมริกันทั่วประเทศที่มีข้อกังขา”
สไตน์ระดมทุนกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นค่าใช้จ่ายในการขอนับคะแนนใหม่ ซึ่งเธอยืนยันว่าจำเป็น เนื่องจากมีข้อร้องเรียนเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ของระบบการโหวต
ล่าสุดศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธคำร้องขอนับคะแนนใหม่ที่รัฐเพนซิลเวเนียแล้วเมื่อวานนี้ (12) หลังจากที่ทีมทนายของทรัมป์ได้ยื่นหนังสือคัดค้านคำร้องของสไตน์
แผนการนับคะแนนใหม่ที่รัฐมิชิแกนก็ล่มไปด้วยเช่นกัน เมื่อผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางอีกคนสั่งให้ยุติ เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่ากระบวนการนับคะแนนเดิมผิดพลาดตรงไหน
สไตน์กล่าวหาทีมงานทรัมป์ และผู้สนับสนุนว่าเข้ามาขัดขวางเรื่องนี้ พร้อมอ้างว่าผลการนับคะแนนบางส่วนที่มิชิแกนชี้ให้เห็นถึง “ความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง”
