รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี ไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวัน ไม่คาดหมายว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางนโยบายใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิภาค แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งแหวกธรรมเนียมปฏิบัติยกหูโทรศัพท์หารือกับเธอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนทำให้จีนเกิดความคับแค้นใจอย่างมาก ตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนในวันอังคาร (6 ธ.ค.)
ระหว่างพบปะกับกลุ่มผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ ไช่ดับกระแสความสำคัญของการพูดคุยทางโทรศัพท์กับทรัมป์เมื่อวันศุกร์ (2 ธ.ค.) แม้ว่ามันเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งแรกกับประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีของอเมริกา นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและหันไปคบค้ากับจีนแทน รวมทั้งยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนเมื่อปี 1979
การพูดคุยดังกล่าวกระพือการประท้วงทางการทูตจากปักกิ่งในวันเสาร์ (3 ธ.ค.) และในวันจันทร์ (5 ธ.ค.) ทางการจีนได้ขอคำรับประกันจากรัฐบาลโอบามาว่าวอชิงตันจะยึดมั่นในนโยบาย “จีนเดียว” ขณะที่จีนมองไต้หวันว่าเป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขา
“ดิฉันขอย้ำว่าการโทรศัพท์แค่ครั้งเดียวไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย” ไช่บอกกับเหล่าผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ จากสำนักต่างๆ เช่น ยูเอสเอ ทูเดย์, เนชันแนล พับลิก เรดิโอ และวอชิงตันโพสต์
“ดิฉันไม่คาดหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะว่าทุกคนมองเห็นคุณค่าของเสถียรภาพในภูมิภาค” เธอกล่าว “การโทรศัพท์เป็นแนวทางหนึ่งที่เราใช้แสดงความเคารพต่อศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และแสดงความยินดีต่อชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์”
ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2017 หลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2016
ในถ้อยแถลงระหว่างพบปะกับสื่อมวลชน ทำเนียบประธานาธิบดีของไช่ไม่ได้พาดพิงถึงคำพูดของเธอระหว่างสนทนากับทรัมป์ และเผยแต่เพียงว่าไช่บอกกับผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ ว่าไต้หวันและอเมริกามีค่านิยมร่วมหลายอย่าง และไต้หวันเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกของวอชิงตัน