รอยเตอร์ – ทำเนียบขาวยืนยันอเมริกายังยึดมั่นนโยบายจีนเดียว หลังว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์แหวกธรรมเนียมปฏิบัติยกหูโทรศัพท์หารือกับผู้นำไต้หวันเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จนปักกิ่งต้องยื่นประท้วงทางการทูต ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนดักคอว่า ทรัมป์และทีมงานน่าจะรู้จุดยืนของปักกิ่งต่อไทเปกระจ่างแจ้งเช่นเดียวกับที่โลกรับรู้
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันจันทร์ (5) ว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้หารือกับเจ้าหน้าที่จีนสองครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ความมั่นใจว่า วอชิงตันยังคงยึดมั่นนโยบาย “จีนเดียว” ซึ่งใช้มานาน 40 ปี และมุ่งเน้นการส่งเสริมและรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบที่แบ่งแยกระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งเออร์เนสต์ระบุว่า อยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ
โฆษกทำเนียบขาวสำทับว่า คงต้องให้ทีมงานของว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาอธิบายเองหากมีเป้าหมายอื่นนอกจากนี้ ย้ำรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับสถานการณ์นี้มากเนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว พร้อมเตือนว่า ความสัมพันธ์ที่รุดหน้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จากการดำเนินการของคณะบริหารของประธานาธิบดี บารัค โอบามา อาจถูกบ่อนทำลายหากประเด็นนี้ปะทุขึ้นมาอีก
ต้นเหตุของเรื่องนี้มาจากการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดี ไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวันเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นว่าที่ประธานาธิบดีหรือประธานาธิบดีอเมริกันคนแรกที่คุยกับประมุขไทเป นับจากที่อดีตประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและหันไปคบค้ากับจีนแทน รวมทั้งยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนเมื่อปี 1979
ทั้งนี้ แม้มีความขัดแย้งกับปักกิ่งตั้งแต่เรื่องการค้าไปจนถึงการอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ของจีน แต่คณะบริหารของโอบามายังคงเน้นย้ำการร่วมมือในประเด็นระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและเกาหลีเหนือ
ไมค์ เพนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามลดความร้อนแรงของกรณีนี้ด้วยการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (4) ว่า การคุยโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับไช่เป็นการพูดคุยตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้ต้องการส่งสัญญาณการเปลี่ยนนโยบายของอเมริกาต่อจีน
วันต่อมา บ็อบ คอร์กเกอร์ หนึ่งในตัวเก็งที่อาจได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แสดงความเห็นว่า ปฏิกิริยาต่อเรื่องไต้หวันถูกโหมกระพือให้รุนแรงเกินจริง
ทางด้าน ลู่ คัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ไม่ได้ระบุตรงๆ ว่า จีนยื่นประท้วงอย่างแข็งกร้าวกับใครเกี่ยวกับการพูดคุยของทรัมป์กับไช่ แต่ย้ำคำแถลงในช่วงสุดสัปดาห์ว่า ยื่นต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ
ลู่ยังกล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันจันทร์ว่า ทั่วโลกรับรู้ชัดเจนเกี่ยวกับจุดยืนของจีนต่อประเด็นไต้หวัน และตนเชื่อว่า ทรัมป์และทีมงานก็รับรู้เรื่องนี้กระจ่างแจ้งเช่นเดียวกัน
“จริงๆ แล้วจีนติดต่อสื่อสารกับทีมงานของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตลอดเวลา” ลู่ย้ำถ้อยแถลงก่อนหน้านี้แม้ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนสำทับว่า จะไม่คาดเดาว่า การคุยโทรศัพท์ดังกล่าวมีเป้าหมายอะไร แต่ต้องการอธิบายว่า ประเด็นไต้หวันเป็นปัญหาสำคัญและอ่อนไหวที่สุดระหว่างจีนกับอเมริกา
เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และอดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวสมัยที่ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน เดินทางเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปี 1972 ได้กล่าวในงานประชุมว่าด้วยความสัมพันธ์อเมริกา-จีนที่จัดขึ้นในนิวยอร์กว่า ประทับใจมากกับการตอบโต้อย่างสงบของผู้นำจีนเรื่องที่ทรัมป์คุยกับไช่ ซึ่งบ่งชี้ว่าปักกิ่งอาจกำลังพัฒนา “การสนทนาอย่างสงบ” กับคณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ
ผิดกับทรัมป์ผู้ประกาศระหว่างหาเสียงว่า จะขึ้นป้ายจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน ที่ใช้วาจาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ด้วยการกล่าวโจมตีนโยบายค่าเงิน ภาษี และการเคลื่อนไหวของจีนในทะเลจีนใต้ว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้
ปัจจุบัน จีนไม่ได้ถูกตีตราเป็นประเทศปั่นค่าเงินจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะที่องค์การการค้าโลกระบุว่า อัตราภาษีที่จีนเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าโดยทั่วไปแล้วสูงกว่าภาษีที่อเมริกาเรียกเก็บ
ลู่ไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อความทางทวิตเตอร์ของทรัมป์โดยตรง แต่กล่าวว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอิงกับผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่เช่นนั้น สัมพันธภาพสองประเทศคงไม่พัฒนามาจนถึงขณะนี้
การกระทำน่าละอายทางการทูตครั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ครั้งในช่วงที่ผ่านมาของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ที่ผันตัวเองมาจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีประสบการณ์ด้านกิจการต่างประเทศหรือการทหารมาก่อนเลย
ขณะเดียวกัน กลอบัล ไทม์ แท็บลอยด์ทรงอิทธิพลที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุในบทบรรณาธิการฉบับวันอังคาร (6) ว่าจีนจะต้องรับมือกับการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ไตร่ตรองของทรัมป์แบบซึ่งๆ หน้า
“การกล่าวโจมตีจีนของทรัมป์เป็นเพียงการปกปิดเจตนารมณ์ที่แท้จริง นั่นคือการปฏิบัติราวกับจีนเป็นลูกแกะตัวอ้วนพีและจัดการแล่เนื้อเถือหนัง” สื่อจีนระบุ