xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งเฉยหลัง “ทรัมป์” จวกซ้ำอีกดอก อัดไม่ยั้ง “เงินหยวนอ่อน-ทะเลจีนใต้”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน เผยแพร่ภาพประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน กำลังพูดคุยกับทางโทรศัพท์กับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เอเจนซีส์ - จีนทำเฉยเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.) หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แกว่งปากกวนโทสะพญามังกรต่อ ด้วยการทวิตจวกนโยบายเศรษฐกิจและการทหารของปักกิ่งในวันอาทิตย์ (4) ขณะที่ก่อนหน้านั้น ว่าที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของเขา ไดเพยายามลดทอนการเผชิญหน้าด้วยการระบุว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำไต้หวัน ทำไปตามมารยาทเท่านั้น ไม่ใช่การส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบาย “จีนเดียว”

ปฏิกิริยาจากรัฐบาลจีนดูจะเงียบเชียบผิดปกติ หลังจากทรัมป์ที่เคยประกาศระหว่างหาเสียงว่าจะขึ้นป้ายจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงินทันทีที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังสนุกกับสงครามปากโดยโพสต์บนทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ (4) ว่า “ถ้าจีนถามเราว่า โอเคหรือเปล่าถ้าพวกเขาจะลดค่าเงิน (ทำให้บริษัทของเราแข่งขันยากขึ้น) ขูดภาษีผลิตภัณฑ์จากอเมริกา (อเมริกาไม่เคยเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน) หรือสร้างนิคมทางทหารขึ้นกลางทะเลจีนใต้ ผมคงตอบว่า ไม่โอเคเลย!”

เมื่อถูกซักถามจากผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติในวันจันทร์ (5) ลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบว่า จีน “ไม่มีความเห็น” เกี่ยวกับแรงจูงใจที่ทำให้ทรัมป์ทวิตข้อความเหล่านี้ ตลอดจน “วิธีการของเขาและทีมงานของเขา และความคิดที่อยู่เบื้องหลัง” ของข้อความทางทวิตเตอร์เช่นนี้

“เราไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับบุคลิกภาพของเขา เราโฟกัสที่นโยบายต่างๆ ของเขา โดยเฉพาะนโยบายต่างๆ ของเขาที่มีต่อจีน” เขาบอก พร้อมกับพูดต่อว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศนั้น เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด “ผลประโยชน์ต่อกันและกัน”

ก่อนหน้าทวิตข้อความล่าสุดนี้ เมื่อวันศุกร์ (2) ทรัมป์ก็เพิ่งกระตุกหนวดพญามังกร ด้วยการรับสายพูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน ที่ปักกิ่งถือว่า เป็นเพียงมณฑลขบถของตน

แม้หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวโทษว่า ไทเปเป็นต้นเรื่องของ “การดำเนินการไร้สาระ” ดังกล่าว แต่ทางกระทรวงของเขาก็ทำการประท้วงทางการทูตต่อเมริกาเมื่อวันเสาร์ (3) โดยย้ำว่า นโยบาย “จีนเดียว” เป็นรากฐานความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ

จากนั้นว่าที่รองประธานาธิบดีเพนซ์ ก็ออกมาลดทอนกระแสนี้ทันที โดยกล่าวในรายงาน “มีทเดอะเพรส” ของเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซีในวันอาทิตย์ (4) ว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นไปตามมารยาทและไม่มีการพูดถึงนโยบายใดๆ เช่นเดียวกับที่ทรัมป์คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน หลังการเลือกตั้งวันที่ 8 เดือนที่ผ่านมา พร้อมโทษสื่อเสนอข่าวเสี้ยมให้เกิดความบาดหมาง
(แฟ้มภาพ) หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งใช้ภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นปกเมื่อวันที่ 10  พฤศจิกายน หรือ 2 วันหลังจากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทว่า หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ (4) กลับรายงานโดยอ้างการเปิดเผยจากแหล่งข่าววงในว่า การพูดคุยระหว่างทรัมป์กับไช่คราวนี้มีการติดต่อเตรียมการกันมาหลายสัปดาห์ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในนโยบายของอเมริกาต่อไต้หวันและจีน

การสนทนาดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ยกเลิกความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและหันมาคบค้ากับจีนแทนในปี 1979 พร้อมทั้งยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”

ทางด้านสื่อของทางการจีนก็เดินหน้าดิสเครดิตการพูดคุยระหว่างทรัมป์กับไช่ โดยหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ฉบับวันจันทร์ (5) วิจารณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้สื่ออะไรนอกจากความอ่อนประสบการณ์ด้านกิจการต่างประเทศ และการขาดความเข้าใจอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหวในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และจีน-ไต้หวันของทรัมป์และทีมผ่องถ่ายอำนาจ

ไชน่าเดลี่ยังชี้ว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์ดังกล่าวไม่ได้สัมฤทธิ์ผลใดๆ นอกจากความภาคภูมิใจจอมปลอมของไต้หวันว่า ได้เคลื่อนไหวครั้งสำคัญ และการเบี่ยงเบนความสนใจของชาวไต้หวันจากผลงานการบริหารประเทศที่ย่ำแย่ของไช่เท่านั้น

โกลบัลไทมส์ แทบล็อยด์สายเหยี่ยวในสังกัดหนังสือพิมพ์เหรินหมึนรึเป้าของพรรคคอมมิวนิสต์จีน วิจารณ์ทรัมป์ว่า “หลอกลวงและเอาแน่เอานอนไม่ได้” แต่ยังเชื่อว่า ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของอเมริกากับนานาชาติ และว่า ไม่ควรโจมตีทรัมป์เนื่องจากเขายังไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกทั้งไม่มีประสบการณ์การทูต และไม่ตระหนักถึงปฏิกิริยาย้อนกลับจากการทำให้สัมพันธภาพจีน-อเมริกาสั่นคลอน

โกลบัล ไทมส์แนะนำรัฐบาลให้ส่งข้อความถึงทรัมป์ด้วยการสั่งสอนไต้หวัน โดยการชักชวนให้พันธมิตรทางการทูตหนึ่งหรือสองชาติหันหลังให้ไทเป หรือเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวัน

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ลิเบอร์ตี้ไทมส์ของไต้หวันที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมเครติก โปรเกรสซีฟของไช่ รายงานว่า ไช่มีแผนแวะที่นิวยอร์กเดือนหน้าก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ระหว่างการเยือนนิคารากัว กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ โดยไช่จะพบกับทีมงานของทรัมป์ ซึ่งรวมถึง ไรนซ์ พรีบัส ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว

ทว่า สำนักประธานาธิบดีไต้หวันออกมาแก้ข่าวทันควันว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการคาดเดาไปเอง และรัฐบาลจะประกาศแผนการเดินทางของไช่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม


กำลังโหลดความคิดเห็น