รอยเตอร์ - สตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตพิเศษของสหประชาชาติ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) ว่ากำลังมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนราว 30,000 คนที่หลบหนีออกมาจากพื้นที่ทางตะวันออกของอเลปโปที่ถูกปิดล้อมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมของผู้พลัดถิ่นจากเมืองของซีเรียแห่งนี้เพิ่มเป็น 400,000 คนแล้ว
ยาน เอกลันด์ ที่ปรึกษาด้านมนุษยธรรมของมิสตูรา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จนถึงเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) มีผู้คนลงทะเบียนเข้าสู่พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล 18,000 คน และอีกราว 8,500 คนข้ามไปยังเขตชัค มักซูด พื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบเคิร์ด ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าตัวเลขอาจพุ่งสูงกว่านี้ในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.)
ซีเรียและรัสเซียปฏิเสธคำร้องขอของยูเอ็นที่ต้องการให้หยุดสู้รบเพื่ออพยพผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บ 400 คนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม มอสโกแสดงความประสงค์หารือเกี่ยวกับแนวคิดจัดตั้งเส้นทางมนุษยธรรม 4 เส้นทาง “เส้นทางมนุษยธรรมจะได้ผล ก็ต่อเมื่อพวกติดอาวุธทุกฝ่ายให้ความเคารพมัน” เอกลันด์กล่าว
สหประชาชาติมีอาหารสำหรับประชาชน 150,000 คนที่อยู่ในฝั่งตะวันตกของอเลปโป แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงชาวบ้านราวๆ 200,000 ซึ่งอยู่ในเขตที่ถูกปิดล้อม ในสภาพที่เสบียงอาหารร่อยหรอและจำเป็นต้องดำเนินการผ่าตัดตามห้องใต้ดินต่างๆ โดยไม่มียาสลบ
ยูเอ็นเสริมเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ทางตะวันตกของอเลปโปเพื่อเข้าช่วยความพยายามบรรเทาทุกข์ แต่อีกด้านหนึ่งก็จะคอยตรวจตราดูแลประชาชนที่หลบหนีออกจากเขตที่ถูกปิดล้อม
ที่ปรึกษาด้านมนุษยธรรมของทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติบอกว่าเป้าหมายลำดับแรกเลยก็คือต้องหยุดการสู้รบ เช่นเดียวกับหาที่พักพิงแก่ผู้คน เนื่องจากฤดูหนาวได้เริ่มขึ้นแล้ว
นอกจากนี้แล้ว เอกลันด์ยังย้ำถึงข้อเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่มญิฮาด ที่อดีตรู้จักกันในนามนุสรา ฟรอนต์ ให้ออกไปจากพื้นที่ปิดล้อม ซึ่งจะช่วยปกป้องชีวิตประชาชนและเพิ่มเหตุผลสำหรับข้อตกลงหยุดยิง