เอเอฟพี - สหรัฐฯในวันศุกร์ (7 ต.ค.) ต้องการให้มีการสืบสวนอาชญากรรมสงครามต่อปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มอเลปโปอย่างดุเดือด โดยกล่าวหาซีเรียและพันธมิตรอย่างรัสเซีย กำลังข่มขวัญพลเรือนภายในเมืองที่ถูกทำลายล้างแห่งนี้
นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความเห็นดังกล่าวก่อนหน้าการหารือเกี่ยวกับร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย หยุดโจมตีเมืองอเลปโป
สองสัปดาห์แล้ว ที่กองกำลังของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เดินหน้าจู่โจมอเลปโป ซึ่งกระพือเสียงคร่ำครวญจากนานาชาติ หลังปฏิบัติการถล่มทางอากาศเหล่านั้นไปลงเป้าหมายโรงพยาบาลต่าง ๆ และโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน
“ด้วยการกระทำเหล่านี้ จึงร้องขอให้มีการสืบสวนอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม และพวกที่ลงมือจะต้องและควรจะต้องรับผิดชอบการกระทำของพวกเขา” เคร์รีบอกกับผู้สื่อข่าวในวอชิงตัน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า มอสโกและดามัสกัส ติดค้างโลกมากกว่าคำอธิบายว่าทำไมพวกเขายังเดินหน้าถล่มโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงผู้หญิงและเด็ก “นี่คือ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์เพื่อข่มขวัญพลเรือนและเข่นฆ่าทุกคนหรือใครก็ตามที่ขวางทางเป้าหมายทางพลเรือนของพวกเขา”
อเลปโป ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของซีเรีย ถูกล้างผลาญในสงครามกลางเมือง ที่เช่นฆ่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 300,000 ศพ นับตั้งแต่มันเริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคม 2011
ทั้งนี้ มีชาวบ้านอย่างน้อย 250,000 คนที่ยังอยู่ในทางตะวันออกของอเลปโป พื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏและถูกปิดล้อมมานานหลายเดือน และตอนนี้ต้องเผชิญการโจมตีอย่างอากาศอย่างดุเดือด โดยบางครั้งยังเป็นการทิ้งบอมบ์ครั้งหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในนิวยอร์ก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เริ่มต้นประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสงครามดังกล่าวตามคำร้องขอของรัสเซีย “เป้าหมายลำดับหนึ่งคือหยุดการนองเลือดในอเลปโป” ทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็นบอกกับผู้สื่อข่าว ก่อนมุ่งหน้าเข้าห้องหารือที่เป็นการประชุมลับ
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหารือกันมานานราว 1 สัปดาห์ เกี่ยวกับมติเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงที่ร่างโดยฝรั่งเศส ทั้งนี้ฌอง-มาร์ค เอโรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศแดนน้ำหอม เตือนว่าการลงมติข้อเสนอข้อตกลงหยุดยิงในอเลปโป ที่คาดจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้(8ต.ค.) จะเป็นช่วงเวลาทดสอบความไว้ใจสำหรับสมาชิกทั้งมวลของคณะมนตรีความมั่นคง
การประชุมในวันศุกร์(7ต.ค.) มีขึ้นหลังจาก สตัฟฟาน เด มิสตูรา ทูตพิเศษด้านซีเรียของยูเอ็น เตือนว่าอเลปโปอาจถูกทำลายล้างโดยสิ้นเชิงในช่วงสิ้นปี พร้อมกันนั้นยังได้เรียกร้องรัฐบาลซีเรียและรัสเซียระงับการโจมตีหากว่าพวกนักรบจากกลุ่มอัล-นุสรา ฟรอนต์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น ฟาเตห์ อัล-ชาม ฟรอนต์ ยอมออกจากเมือง
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุในวันศุกร์ (7 ต.ค.) ว่า เขาจะสนับสนุนแผนของยูเอ็น สำหรับเปิดทางให้กลุ่มก๊กญิฮาดดังกล่าวออกจากอเลปโป หากว่ากลุ่มกบฏอื่น ๆ ตัดขาดความสัมพันธ์กับกลุ่มนี้
“หากพวกนุสรา ออกไปพร้อมกับอาวุธในทิศทางของเมืองอิดลิบ เมื่อนั้นเพื่อประโยชน์แห่งการปกป้องอเลปโป เราก็พร้อมสนับสนุนแนวทางนั้น และพร้อมเรียกร้องรัฐบาลซีเรียให้เห็นพ้องต้องกันด้วย” ลาฟรอฟ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในวันศุกร์ (7 ต.ค.) รัฐสภารัสเซียได้เห็นชอบข้อตกลงฉบับหนึ่งที่ทำกับรัฐบาลซีเรีย ในการประจำการกองกำลังของประเทศในซีเรียอย่างไม่มีกำหนด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถูกมองในฐานะเป็นเครื่องยืนยันว่ากองกำลังรัสเซียจะประจำการในซีเรียในระยะยาว