รอยเตอร์ - สหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (20 ก.ย.) กลับลำจากการที่เคยชี้ว่าเหตุถล่มขบวนรถบรรเทาทุกข์ในซีเรียเป็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ยอมรับยังไม่มีหลักฐานพอที่จะสรุปได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ อย่างไรก็ตามทางสหรัฐฯ ยังปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของเครื่องบินรบรัสเซียหรือไม่ก็ของรัฐบาลดามัสกัส
ในหตุการณ์ซึ่งส่งผลให้รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ 18 จากทั้งหมด 31 คันถูกทำลาย และเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (19 ก.ย.) ดูเหมือนจะก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่ข้อตกลงหยุดยิงอายุ 1 สัปดาห์ และเรียกเสียงประณามรุนแรงจากทั่วโลก
เบื้องต้นสหประชาชาติ กาชาด และสหรัฐฯ ระบุว่ามันเป็นฝีมือของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และล็อกเป้ากล่าวโทษไปที่เครื่องบินรบของรัสเซียหรือไม่ก็ของรัฐบาลซีเรียที่บินอยู่ในพื้นที่ ฐานละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการโจมตีเป้าหมายด้านมนุษยธรรม
อย่างไรก็ตาม รัสเซียซึ่งปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้ออกมาแก้ต่างในวันอังคาร (20 ก.ย.) เชื่อว่าขบวนรถบรรเทาทุกข์ไม่ได้ถูกโจมตีทางอากาศ แต่เกิดไฟลุกไหม้จากเหตุการณ์บางอย่างทางภาคพื้น
สภาเสี้ยววงเดือนแดงซีเรียเผยว่า หัวหน้าสำนักงานท้องถิ่นแห่งหนึ่งของพวกเขาและพลเรือนราว 20 คนเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ว่าหน่วยงานอื่นๆ จะให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตต่างกันออกไป
หลังได้รับคำชี้แจงจากรัสเซีย สหประชาชาติได้เปลี่ยนแปลงคำแถลงก่อนหน้านี้ โดยถอดคำว่าโจมตีทางอากาศออก และแทนที่ด้วยการอ้างอิงว่ามันเป็นรูปแบบการโจมตีอย่างไม่เจาะจง
เยนส์ แลร์เก โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า “เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสรุปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการโจมตีทางอากาศหรือไม่ ในฐานะของเรา เราพูดได้เพียงว่าขบวนรถถูกโจมตี”
กระนั้น ทางวอชิงตันยังคงเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลของการโจมตีทางอากาศ และดำเนินการโดยรัสเซียหรือไม่ก็กองทัพซีเรีย “การโจมตีทางอากาศต่อขบวนรถบรรเทาทุกข์คือความอุกอาจอย่างแท้จริง เราไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรากำลังตรวจสอบกันอย่างละเอียด แต่เราคิดว่ามันเป็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ” จากความเห็นของ เบรตต์ แม็คเกิร์ค ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประสานงานด้านภารกิจสู้รบกับพวกไอเอสในซีเรียและอิรัก
เหตุโจมตีเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (19 ก.ย.) กระตุ้นให้สหประชาชาติระงับการขนส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมไปยังซีเรียในทันที และกำลังผลักให้ความพยายามสันติภาพรอบล่าสุดซวนเซอยู่บนปากเหว
อย่างไรก็ตาม นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ได้พบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติอื่นๆ 20 ประเทศ ในนั้นรวมถึงนายเซอร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ระบุว่า “ข้อตกลงหยุดยิงยังไม่ถึงจุดจบ”