เอเจนซีส์ /MGRออนไลน์ – ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ล่าสุด วอชิงตันจะ***ไม่ส่งตัวแทนอย่างเป็นทางการ***เข้าร่วมงานพิธีศพอดีตประธานาธิบดีคิวบา ฟิเดล คาสโตร แต่จะส่งตัวแทนอย่างไม่เป็นทางการ 2 คน ผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ เบน โรดส์(Ben Rhodes)ที่บังเอิญมีธุระต้องไปเยือนคิวบาในสัปดาห์นี้ และอุปทูตสหรัฐฯประจำคิวบา เจฟฟรี เดลอเรนติซ( Jeffrey DeLaurentis) ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของผู้นำคนอื่นๆทั่วโลกที่ในอดีตเคยยืนเคียงข้างคาสโตรในช่วงยุคสงครามเย็น เป็นต้นว่า รัสเซีย แต่กลับพบว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน รวมอยู่ในรายชื่อผู้นำที่จะไม่เดินทางไปร่วมพิธีศพครั้งสุดท้ายของผู้นำปฎิวัติมาร์กซิสคิวบา รวมไปถึงประธานาธิบดีจีน สี จิ้น ผิง และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จอง อุน ส่วนโลกเสรีเช่น สเปน ส่งอดีตกษัตริย์ ฮวน คาลอส ที่ 1 เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการเข้าร่วมพิธี และน้องสาวของคาสโตรที่ลี้ภัยอยู่ในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ฮัวนิตา คาสโตร(Juanita Castro)ไม่เดินทางกลับ พร้อมประกาศ “ความรักในเสรีภาพมีมากกว่าความเศร้าโศกของครอบครัว”
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(29 พ.ย)ว่า จอช เอิร์นเนสต์(Josh Earnest) โฆษกประจำทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ล่าสุด ยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ส่งตัวแทนอย่างเป็นทางการเข้าร่วมพิธีศพของอดีตเผด็จการ ประธานาธิบดีคิวบา ฟิเดล คาสโตร
โดยในแถลงการณ์ของทำเนียบขาว เอิร์นเนสต์กล่าวว่า ตัวแทนของอเมริกาที่จะเดินทางไปร่วมพิธีรำลึกคาสโตในเย็นวันอังคาร(29พ.ย) จะไม่ใช่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเช่นตามปกติที่ควรจะกระทำในการเข้าร่วมพิธีศพของผู้นำแห่งรัฐทั่วไป
แต่ในทางตรงข้าม ตัวแทนเจ้าหน้าที่อเมริกัน 2 คนที่จะถูกส่งไปนั้นถือเป็นการเข้าร่วมพิธีศพทั่วไปตามธรรมเนียมเท่านั้น ซึ่งเอิร์นเนสต์ชี้ต่อว่า 1 ใน 2 ของตัวแทนสหรัฐฯคือ เจฟฟรี เดลอเรนติซ( Jeffrey DeLaurentis) อุปทูตสหรัฐฯที่ประจำอยู่ในกรุงฮาวานาอยู่แล้ว และอีกคนคือ ผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ เบน โรดส์(Ben Rhodes)ที่บังเอิญมีธุระต้องไปเยือนคิวบาในสัปดาห์นี้
โดยเอิร์นเนสต์ยอมรับในจุดนี้ว่า “ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯและคิวบาส่วนใหญ่นั้นสลับซับซ้อนมาก” และกล่าวเสริมว่า “ในขณะที่ในอดีต ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความโกลาหล ที่ไม่เพียงหยุดแค่รัฐบาลของฟิเดล คาสโตรเท่านั้น แต่ทางเรายังคงต้องมีความกังวลสูงต่อสิ่งที่รัฐบาลคิวบากระทำ โดยเฉพาะในด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนคิวบา”
ทั้งนี้สหรัฐฯเพิ่งประกาศมีความสัมพันธ์ในระดับปกติกับคิวบาในเดือนกรกฎาคม 2015 และสถานทูตสหรัฐฯที่เพิ่งเปิดทำการใหม่ล่าสุด เป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ทำการสถานทูตต่างชาติบนเกาะคิวบาที่ไม่ได้ลดธงชาติครึ่งเสาเพื่อร่วมไว้อาลัยแก่การจากไปของอดีตเผด็จการคาสโตร
และในแถลงการณ์ของทำเนียบขาวยังยืนยันว่า “ทางเราเชื่อว่านี่เป็นการแสดงออกอย่างเหมาะสมที่สุดจากทางสหรัฐฯในการแสดงต่อพันธสัญญาในความสัมพันธ์ที่เดินหน้ากับประชาชนคิวบา และนี่เป็นหนทางที่เหมาสมในการเข้าร่วมในขณะเดียวกันที่ทางเรายังคงตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างกันยังคงมีอยู่ระหว่างทั้งสองชาติ”
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า พิธีเผาศพคาสโตรจะถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์(4 พ.ย) ซึ่งเอิร์นเนสต์ได้ให้เหตุผลของการส่งโรดส์ไปร่วมพิธีศพคาสโตรในฐานะส่วนตัวจากการรายงานของสื่ออังกฤษว่า เป็นเพราะผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯคนนี้มีส่วนสำคัญในการร่างนโยบายเปิดประตูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและคิวบาเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ และอีกทั้งโรดส์มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปยังคิวบาในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้โรดส์กลายเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ความพยายามของโอบามาในการที่จะยังคงการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศไว้ และแถลงการณ์แสดงความอาลัยถึงการจากไปของคาสโตรในวันเสาร์(26 พ.ย)ชี้ว่า ทางทำเนียบขาวมีความพยายามอย่างสูงในการเลือกใช้ถ้อยคำ แต่ทว่าภายในสหรัฐฯ โอบามากลับถูกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายการเมืองปีกขวา
ซึ่งในการรายงานของเดอะการ์เดียนในวันจันทร์(28 พ.ย)ระบุว่า นิวต์ กริงกิช(Newt Gingrich)อดีตประธานรัฐสภาสหรัฐฯ สายพรรครีพับลิกัน และเคยมีชื่อติดเป็นตัวเลือกว่าที่รัฐมนตรีต่างกระเทศคนใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นเตือนรัฐบาลสหรัฐฯชุดพรรคเดโมแครตในวันเสาร์(26 พ.ย) โดยกล่าวเตือนให้ผู้นำสหรัฐฯ บารัค โอบามา รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี อยู่ให้ห่างจากพิธีศพฟิเดล คาสโตร เพราะอย่างไรก็ตาม ***ชายผู้นี้คือทรราชสำหรับอเมริกา***
โดยในแถลงการณ์ของกิงกริชกล่าวว่า “ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม ประธานาธิบดีโอบามา รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน และรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ไม่ควรเดินทางไปคิวบาเพื่อร่วมงานศพของคาสโตร เพราะชายผู้นี้คือทรราช”
ในขณะที่สว.รัฐเทกซัส เท็ด ครูซ ซึ่งมีบิดาเป็นชาวคิวบา ออกแถลงการณ์ว่า “ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะต้องไม่เห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯเดินทางไปร่วมพิธีศพ ฟิเดล คาสโตร ผมหวังใจว่า พวกเราจะต้องไม่เห็นบารัค โอบามา และโจ ไบเดน และฮิลลารี คลินตัน และคนจากพรรคเดโมแครตอื่นๆยืนเข้าแถวเรียงรายเพื่อสร้างภาพให้กับฆาตกรและโจรใจโฉดคาสโตรผู้นี้”
และในแถลงการณ์ ครูซยังได้ประกาศต่อว่า “หากพวกคุณไม่เดินทางไปเข้าร่วมพิธีศพอดีตเผด็จการเขมรแดง พล พต หรืองานศพอดีตเผด็จการสหภาพโซเวียต สตาลิน หรืองานศพของผู้นำคอมมิวนิสต์จีน เหมา เพราะคนเหล่านี้ล้วนถูกจัดอยู่ในกลุ่มพวกเผด็จการฆาตกรคอมมิวนิสต์ทั้งสิ้น พวกคุณย่อมที่จะไม่ทำในสิ่งที่บารัค โอบามา และจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดากำลังกระทำอยู่ในขณะนี้”
แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าแปลกใจที่ว่า เพื่อนจากอดีตผู้นำค่ายคอมมิวนิสต์ เช่น ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ไม่มีแผนการที่จะเดินทางไปร่วมพิธีศพครั้งสุดท้ายของสหายคาสโตรแต่อย่างใด
โดยสื่อเยอรมัน dw รายงานในวันจันทร์(28 พ.ย)ว่า โฆษกเครมลิน ดมิตรี เปซคอฟ ออกแถลงการณ์ในวันจันทร์(28 พ.ย)ระบุอ้างว่า ประธานาธิบดีรัสเซียไม่มีกำหนดที่จะเดินทางไปยังคิวบาแต่อย่างใด โดยอ้างว่า ***ปูตินนั้นมีตารางงานที่ยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวไปได้ ***
แต่ทางรัสเซียได้ส่งประธานสภาล่างดูมารัสเซีย วีจัสลัฟ โวโลดิน( Vyacheslav Volodin) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของปูตินเป็นตัวแทนรัสเซียไปร่วมพิธีศพของฟิเดล คาสโตร
และในส่วนของน้องสาวของคาสโตร ที่อยู่ในระหว่างการลี้ภัยในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา มาร่วม 51 ปี ฮัวนิตา คาสโตร(Juanita Castro) มีรายงานว่า เธอจะไม่เดินทางกลับไปยังคิวบาเพื่อร่วมพิธีศพพี่ชาย ฟิเดล คาสโตร อย่างแน่นอน โดยน้องสาวของคาสโตรกล่าวให้ความเห็นว่า “ความรักในเสรีภาพของเธอมีมากกว่าความเศร้าโศกของครอบครัว”
เดลิเมลสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ฮัวนิตานั้นเริ่มต้นลี้ภัยในสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1965 ซึ่งเธอได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในวันเสาร์(26 พ.ย)ยืนยันว่า ตลอดทั้งชีวิตของเธอ จะไม่ยอมเดินทางกลับไปคิวบาอีกครั้ง ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า 1 ปีก่อนหน้านี้ ฮัวนิตาได้กล่าวโทษพี่ชายว่า ได้เปลี่ยนให้คิวบากลายเป็นเรือนจำขนาดใหญ่ลอยน้ำ
และยังกล่าวต่อว่า ข่าวการเสียชีวิตของฟิเดล คาสโตรได้นำความเจ็บปวดจากบาดแผลเก่าๆหวนกลับมาอีกครั้ง
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า และในส่วนของจีน ประธานาธิบดีจีน สี จิ้น ผิง ที่ถึงแม้ได้เดินทางไปร่วมลงนามในสมุดไว้อาลัยยังสถานทูตคิวบาประจำกรุงปักกิ่ง แต่ไม่เดินทางไปร่วมพิธีศพคาสโตร แต่สีได้ส่งรองประธานาธิบดีจีน หลี่ หยวนเฉา (Li Yuanchao)เป็นตัวแทนของรัฐไปร่วมแทน
และในส่วนของเกาหลีเหนือ มีรายงานว่าถึงแม้เปียงยางจะสั่งให้มีการร่วมไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน แต่ทว่าไม่พบว่าประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จอง อุน จะยอมเดินทางออกนอกประเทศไปยังกรุงฮาวานาเพื่อร่วมพิธีศพฟิเดล คาสโตร แต่มีรายงานว่าได้ส่งตัวแทนของเปียงยางเข้าร่วมแทนเช่นเดียวกัน
โดยดิเอ็กซเพรซ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(29 พ.ย)ว่า มีรายงานและภาพปรากฏตัวของคิมลงนามไว้อาลัยในสมุดไว้อาลัยในสถานทูตคิวบาประจำกรุงเปียงยาง และพบว่าในการเดินทางไปยังสถานทูตคิวบานี้ คิม จอง อุน ซึ่งดำรงประธานพรรคแรงงานเกาหลีเหนือด้วยอีกตำแหน้ง เดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่เปียงยาง
และในรายงานยังระบุว่า ธงชาติเกาหลีเหนือในกรุงเปียงยางถูกลดครึ่งเสาเพื่อแสดงความอาลัย
สื่ออังกฤษรายงานต่อว่า สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือได้รายงานว่า ผู้นำเกาหลีเหนือได้เขียนในสมุดไว้อาลัยใจความว่า “เรารู้สึกเจ็บปวดในการสูญเสียของสหายผู้ยิ่งใหญ่ และสหายผู้นำการติดอาวุธ”
และนอกจากนี้ บีบีซีรายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในส่วนของผู้นำ 3 ชาติยักษ์ใหญ่ยุโรปเป็นต้นว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ โอลลองด์ และนายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล จะไม่เดินทางไปร่วมพิธีศพของคาสโตร แต่ทว่าจะส่งตัวแทนรัฐบาลไปร่วมงานแทน และในส่วนของเจรามี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานอังกฤษ ที่เคยมีข่าวในช่วงแรกถึงการแสดงออกมาชื่นชมความเป็นวีรบุรษของคาสโตรในฐานะนักปฎิวัติผู้ยิ่งใหญ่ ได้ตัดสินใจส่งรัฐมนตรีเงากระทรวงต่างประเทศอังกฤษไปเป็นตัวแทนของเขา
และในส่วนของสเปนพบว่า อดีตกษัตริย์สเปน ฮวน คาลอส ที่ 1 อยู่ในรายชื่อแขก VIP ของทางคิวบา โดยพระองค์เป็นตัวแทนจากรัฐบาลสเปนเสด็จไปร่วมพิธีศพอดีตผู้นำคิวบาในสัปดาห์นี้ CNN ชี้
อย่างไรก็ตามพบว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ อเล็กซิส ซีปราส และเจอร์รี อดัม(Gerry Adams) หัวหน้าพรรคการเมืองจากไอร์แลนด์ รวมอยู่ในรายชื่อผู้ที่จะร่วมในพิธีศพคาสโตรจากยุโรปเช่นกัน
ด้านแคนาดา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ซึ่งบิดาผู้ล่วงลับ เคยเป็นเพื่อนกับคาสโตร และทรูโดยังเป็นหนึ่งในผู้นำโลกตะวันตกไม่กี่คนที่ออกแถลงการณ์แสดงความอาลัยต่อการจากไปของฟิเดล คาสโตร แต่ทรูโดจะไม่เดินทางไปร่วมพิธีนี้ แต่ได้ส่งเดวิด จอห์นสัน(David Johnston)ผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรประจำแคนาดาไปร่วมแทน
โดยพบว่าผู้นำส่วนใหญ่ที่เดินทางไปร่วมพิธีศพคาสโตรนี้อยู่ในฝ่ายการเมืองมากร์กซิสปีกซ้ายบนของอเมริกาใต้ เป็นต้นว่า ผู้นำจากเวเนซุเอลา นิการากัว โบลิเวีย ซัลวาดอร์ เม็กซิโก และรวมไปถึงอีก 2 ประเทศจากทวีปแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ และซิมบับเว
CNN ยังชี้ต่อว่า สาธารณชนอาจจะมีโอกาสได้พบกับภาพการปรากฎตัวของภรรยาม่ายของฟิเดล คาสโตรและบุตร ซึ่งไม่มีการปรากฎตัวต่อสาธารณะมาโดยตลอดเนื่องจากถูกปิดเป็นความลับ