รอยเตอร์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ออกมาขู่วานนี้ (28 พ.ย.) ว่าจะยกเลิก “ข้อตกลง” ต่างๆ ที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ทำไว้กับรัฐคอมมิวนิสต์คิวบา หากไม่สามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิมได้
ทรัมป์ ซึ่งประกาศจะล้มนโยบายฟื้นสัมพันธ์กับคิวบาที่ โอบามา ได้ปูทางไว้ตั้งแต่ปี 2014 ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “ถ้ารัฐบาลคิวบาไม่เต็มใจทำข้อตกลงที่จะดียิ่งกว่าสำหรับชาวคิวบาเอง ผมก็จะยกเลิกข้อตกลงทั้งหมดเสีย”
ชาวคิวบาต่างหวั่นวิตกว่า ทรัมป์ จะเข้ามาปิดกั้นการค้าและการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างพลเมืองทั้งสองชาติ ซึ่งเริ่มผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้นในช่วง 2 ปีมานี้ หลังจาก โอบามา และประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร ได้บรรลุข้อตกลงยุติความเป็นอริที่ยืดเยื้อมานานตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และสหรัฐฯ ได้เข้าไปเปิดสถานทูตในกรุงฮาวานาอีกครั้ง
สายการบินของสหรัฐฯ ได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินสู่กรุงฮาวานาเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หลังจากที่ตัดขาดกันมานานกว่า 50 ปี
คำประกาศของ ทรัมป์ มีขึ้นในขณะที่ชาวคิวบากำลังไว้อาลัยต่อการจากไปของ ฟิเดล คาสโตร ผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมในคิวบาเมื่อปี 1959 และอดีตประธานาธิบดีที่ปกครองเกาะแคริบเบียนแห่งนี้มานานเกือบครึ่งทศวรรษ
สุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ คาสโตร ตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจให้แก่ ราอูล แบบชั่วคราวในปี 2006 ก่อนจะเปิดทางให้น้องชายก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างสมบูรณ์ในปี 2008
ระหว่างหาเสียงเพื่อชิงบัลลังก์ทำเนียบขาว ทรัมป์ ได้กล่าวไว้ว่า เขาคิดว่าการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบาเป็นเรื่องดี แต่ โอบามา ควรเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้
นิตยสารนิวส์วีคได้รายงานว่า บริษัทแห่งหนึ่งของ ทรัมป์ ก็เคยพยายามเข้าไปขยายธุรกิจในคิวบา
เมื่อการหาเสียงดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายๆ ทรัมป์ ยิ่งปลี่ยนจุดยืนต่อคิวบาให้แข็งกร้าวยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาว่าเขานั้นไม่ได้นิยมชมชอบในตัว ฟิเดล คาสโตร หรือ ราอูล ผู้เป็นน้องเลยแม้แต่น้อย
ทรัมป์ มีถ้อยแถลงเมื่อวันเสาร์ (26) หรือหลังจากที่ ฟิเดล คาสโตร ถึงแก่อสัญกรรมเพียง 1 วันว่า สหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขาจะ “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อส่งเสริมให้ชาวคิวบาได้มีเสรีภาพและความเจริญรุ่งเรือง หลังจากที่ คาสโตร จากโลกนี้ไปแล้ว
รัฐบาลคิวบาต่อต้านการใช้อิทธิพลแทรกแซงการเมืองโดยสหรัฐฯ มาตลอด ทว่าจนถึงขณะนี้ ประธานาธิบดี ราอูล ก็ยังคงสงวนท่าทีเรื่อง ทรัมป์ และรอดูว่าคำพูดคุยเขื่องของมหาเศรษฐีผู้นี้จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นนโยบายจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งบอกว่า ทรัมป์ อาจจะทำจริงอย่างที่พูด เพราะทีมงานช่วงเปลี่ยนผ่านของเขานั้นมีชื่อของ เมาริซิโอ เคลเวอร์-คาโรน ซึ่งเป็นหัวหอกสนับสนุนให้อเมริกาคงบทลงโทษทางเศรษฐกิจต่อคิวบาไว้ รวมไปถึง โรเบิร์ต เบลา นักการทูตผู้มีจุดยืนต่อต้านคอมมิวนิสต์แบบสุดลิ่ม และเคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคาสโตรอย่างดุเดือดขณะประจำการอยู่ที่กรุงฮาวานาในยุคของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช รวมอยู่ด้วย
กระนั้นก็ดี ชาวคิวบาส่วนใหญ่ยังมองว่า ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาก็คือมาตรการปิดกั้นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั่นเอง
“เราถูกปิดกั้นมานานถึง 50 ปีแล้ว และคงจะต้องใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไป ไม่ว่าจะมี ทรัมป์ หรือไม่ก็ตาม” เทเรซา อัลเมนเตโร คนขายยาสูบวัย 52 ปี ให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางมาเคารพศพ ฟิเดล คาสโตร ที่จัตุรัสแห่งการปฏิวัติในกรุงฮาวานา
“ฉันไม่กลัวเขาหรอก และคนคิวบาก็ไม่มีใครกลัวเขาด้วย”