เอเจนซีส์/MGR - การจากไปของอดีตประธานาธิบดีคิวบา ฟิเดล คาสโตร ผู้นำแห่งการปฏิวัติมาร์กซิสต์ในวันศุกร์ (25) ยังคงเป็นที่จดจำไปทั่วโลกนับตั้งแต่น้ำตาจากแดนละตินอเมริกา ข้ามไปถึงเสียงโห่ร้องจากรัฐไมอามีของสหรัฐฯ และต่อไปถึงแดนปลาดิบ ที่เห็นรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ลงนามไว้อาลัยที่สถานทูตคิวบาประจำกรุงโตเกียว จากครั้งหนึ่งที่ชายผู้นี้เคยส่งจดหมายในเดือนตุลาคม ปี 1962 ไปยังประธานาธิบดีแห่งสหภาพโซเวียต “นีกีตา ครุชชอฟ” ร้องขอให้ยิงอาวุธนิวเคลียร์ถล่มสหรัฐฯให้ราบ
ประวัติศาสตร์ต้องจารึกถึงชายวัย 90 ปี ผู้ที่ซึ่งเป็นตำนานการปฏิวัติปลดแอกแห่งมาร์กซิสต์ ฟิเดล คาสโตร ซึ่งนับตั้งแต่การเสียชีวิตของเขาในวันศุกร์ (25) กระแสโลกได้ทวีความเห็นเป็นภาพทั้งน้ำตา เสียงโห่ร้อง ดอกไม้ และการไว้อาลัยจากอดีตประเทศที่เคยอยู่ขั้วตรงกันข้าม เป็นต้นว่า ผู้นำพรรคแรงงานอังกฤษ เจรามี โคบิน จะเดินทางไปร่วมพิธีศพของคาสโตร
ซึ่งสื่อสหรัฐฯ เดอะวอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ ได้รายงานล่าสุดถึงความโลดโผนในช่วงยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียต ว่า เผด็จการคิวบาผู้มากไปด้วยเล่ห์เพทุบายได้เคยส่งจดหมายไปถึงประธานาธิบดีแห่งสหภาพโซเวียต นีกีตา ครุชชอฟ ในเดือนตุลาคม ปี 1962 ***ร้องขอให้ทางสหภาพโซเวียตใช้อาวุธนิวเคลียร์ยิงถล่มอเมริกา***
โดยจากจดหมาย คาสโตร ได้ระบุว่า ทางสหภาพโซเวียตไม่ควรรอให้สหรัฐฯมีโอกาสใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ก่อน
“หากจักรวรรดิอเมริกาบุกเข้าคิวบาด้วยเป้าหมายต้องการยึดครอง ดังนั้น เป้าหมายการยึดครองนั้นอันตรายไปไกลกว่าหลังจากการบุกยึดแล้ว..” คาสโตรกล่าว
และในจดหมาย ผู้นำคิวบาในขณะนั้นยังให้เหตุผลว่า “ดังนั้น ทางสหภาพโซเวียตไม่ควรรอช้าที่จะปล่อยให้จักรวรรดิอเมริกามีโอกาสใช้อาวุธนิวเคลียร์เล่นงานก่อน”
โดยคาสโตรให้เหตุผลในการใช้นิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงเล่นงานสหรัฐฯนั้น “เป็นเครื่องหลักประกันการทำลายการคุกคามได้อย่างถาวรและตลอดไปในสิทธิอันชอบธรรมของการป้องกันตนเอง แต่ผลลัพท์ในทางหายนะและการทำลายล้างจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางเป็นอื่นได้”
แต่เป็นที่โชคดีที่ ครุชชอฟ ไม่หลงคารมคาสโตรในช่วงแรก แต่อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพโซเวียตได้ทำการส่งจรวดมิสไซล์พิสัยใกล้และพิสัยกลางจำนวนมากมาติดตั้งบนเกาะคิวบาของคาสโตรแทนในเวลาต่อมา
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า และในช่วงท้ายของจดหมายถึงผู้นำอดีตสหภาพโซเวียต คาสโตรได้กล่อมว่า
“ผมเข้าใจถึงช่วงเวลาเหล่านี้ดี จากการที่ผลที่เกิดจากการลงมือในความสามารถเกินขอบเขตเหนือมนุษย์ธรรมดาของท่านนั้นเป็นอันตรายร้ายแรงอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ผู้ที่ต้องตัดสินใจขมขื่นใจ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเรานั้นเยือกเย็นและพร้อมต่อการเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่ได้เห็นประจักษ์อย่างชัดเจนว่า มีอยู่จริง และร้ายแรงอย่างถึงที่สุด”