xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามตามเช็คบิลอดีต รมว.อุตสาหกรรมฯ ตั้งลูกชายนั่งเก้าอี้ใหญ่ "ไซ่ง่อนเบียร์" เอาผิดย้อนหลังงดบำนาญคืนเงินเดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>การตามล่าตามล้างกันในหมู่ชาวคอมมิวนิสต์ด้วยกัน เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีให้เห็นบ่อยๆ แต่พรรคคอมมิวนิสต์นาม ได้แสดงให้เห็นความตั้งใจจริงในการปราบปรามฉ้อราษฎร์บังหลวง กับการประพฤติมิชอบในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง มาต่อเนื่อง การถูกถอดจากตำแหน่งย้อนหลัง เป็นการลงโทษที่แสนสาหัส เป็นการลิดรอนสิทธิประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวง และ จะต้องส่งคืนส่วนที่ได้รับไปทั้งหมดอีกด้วย. </b>

MGRออนไลน์ -- พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ติดตามตรวจสอบ และ มีคำสั่งลงโทษทางวินัยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ฐานละเมิดกฎระเบียบของพรรค ลุแก่อำนาจ เล่นพรรคเล่นพวก รวมทั้งการแต่งตั้งบุตรชาย ขึ้นเป็นระดับบริหารกลุ่มเบียร์ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัด นอกจากนั้นยังถูกร้องเรียน เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมภายในกระทรวงหลายกรณีอีกด้วยกัน

คณะเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลงานประจำวันของคณะกรรมการกลางพรรค ประกาศผลการไต่สวนทางวินัยนายหวู ฮวี หว่าง (Vu Huy Hoang) สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสรุปของคณะกรรมการตรวจตราศูนย์กลางพรรค ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปี โดยให้ปลดนายหว่างพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค สาขากระทรวงอุตสาหรรมและการค้า เป็นการย้อนหลัง

การถูกปลดออกจากตำแหน่งดังกล่าว จะทำให้อดีตรัฐมนตรีว่าการผู้นี้ ถูกริดรอนสิทธิประโยชน์ทุกอย่างที่ได้รับจากรัฐ และ จะต้องส่งคืนเงินเบี้ยบำนาญ กับ ผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับไป การดำเนินการของพรรคคอมมิวนิสต์ ยังเปิดทางให้ผู้เสียหาย สามารถดำเนินคดีทางแพ่งและทางอาญาได้ หากต้องการ

นายหว่างพ้นจากตำแหน่งในเดือน เม.ย.ปีนี้ เมื่อรัฐสภาเวียดนามลงมติอนุมัติ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายเหวียน ซวน ฟุก (Nguyen Xuan Phuc)

ตามรายงานของสื่อทางการ คณะกรรรมการตรวจตรา (Inspection Comittee) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบ ของคณะกรรมการกลางพรรค ได้พบว่าขณะดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคสาขากระทรวงฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งในพรรคของรัฐมนตรีว่าการนั้น ได้มีการกระทำผิดระเบียบและขั้นตอน ในการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสังกัดหลายกรณี ซึ่งนายหว่างเป็นผู้รับผิดชอบ

นายหว่างถูกกล่าวหาว่า ได้ทำการโยกย้าายนายจีง ซวน แถ่ง (Trinh Xuan Thanh) ออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม และ แต่งตั้งนายหวู กวาง หาย (Vu Quang Hai) บุตรชาย ขึ้นเป็นรองผู้บริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มบริษัทสุรา เบียร์และเครื่องดื่มไซ่ง่อน (Saigon Alcohol, Beer and Beverages Corp) ในช่วงปีที่ กระทรวงประกาศแผนการแปรรูปกลุ่มน้ำเมาใหญ่นี้

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า หุ้นใหญ่เกือบ 90% ใน Sabeco ซึ่งผลิตเบียร์ยอดนิยม 2 ยี่ห้อ คือ ไซ่ง่อนเบียร์ (Saigon Beer) กับเบียร์ 333 (บา บา บา) ทั้งสองยี่ห้อนี้กุมส่วนแบ่งในตลาดกว่า 51%

ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม ก่อนหน้านั้นนายกวาง หาย ดำรงตำแหน่งเป็นเพียงผู้ตรวจการคนหนึ่ง ที่รัฐวิสาหกิจยาสูบ Vianataba (Vietnam National Tobacco Corporation) ก่อนบิดาจะนำเข้าไปนั่งใน คณะกรรมการบริหารของ Sabego และ ขึ้นเป็นระดับรองซีอีโอในที่สุด

คณะกรรมการตรวจตราศูนย์กลางพรรค ยังพบการกระทำผิดของอดีตรัฐมนตรีอีกหลายกรณี ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อนโยบาย และกฎระเบียบปฏิบัติ ที่กำหนดออกมาโดยคณะกรรมการกรมการเมือง อันเป็นหน่วยงานบริหารสูงสุดของคณะกรรมการกลางพรรค

คณะเลขาธิการพรรค ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ให้ลงโทษทางวินัยนายหว่าง ตามความผิดที่ก่อขึ้นทั้งหมดในช่วงปี 2554-2559 ที่นายหว่างดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคสาขากระทรวง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสวาหกรรมาและการค้า ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่ได้เกิดให้เห็นบ่อยๆ ในระบบของคอมมิวนิสต์เวียดนาม

ตามประวัติอย่างเป็นทางการ นายหว่างเกิดปี พ.ศ.2496 เป็นชาวนครหายฝ่อง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เรียนสำเร็จปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ เข้าเป็นกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 10 และ 11 เป็นสมาชิกรัฐสภาเวียดนาม สมัยที่ 13 คือ ชุดที่แล้ว เป็นนักการเมืองที่เติบโตรวดเร็วที่สุดคนหนึ่ง

นายหว่างสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการเหมืองแร่และโลหะการฟรีแบร์ก (Freiberg Mining and Metallurgy Academy) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียง ในแคว้นแซ็กโซนี เยอรมนี และ เข้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน ระหว่างปี 2540-2546

ต่อมาระหว่างปี 2546-2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการประชาชน (ผู้ว่าราชการ) จังหวัดห่าเตย ติดกรุงฮานอย โดยอยู่ในตำแหน่ง "รองเลขาธิการพรรคสาขา" ที่จังหวัดนี้เพียง 3 ปี ก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคสาขา จ.ลังเซิน ทางตอนบนของประเทศ

นายหว่างดำรงตำแหน่ง ผู้นำพรรคอันเป็นตำแหน่งบริหารสูงสุด ในลังเซินในปี 2549 เพียงไม่ถึง 1 ปีต่อมา ในเดือน ส.ค.2550 ก็ถูกดึงกลับเข้าเมืองหลวง ได้รับเลือกขึ้นเป็นกรรมการกลางพรรค และ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.อุตสาหกรรมและการค้า ในรัฐบาลชุดใหม่ของอดีต นายกรัฐมนตรีนายเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung).
กำลังโหลดความคิดเห็น