xs
xsm
sm
md
lg

Opinion: ศึกรีพับลิกันเดือด สงครามแยกพรรคปะทุ!! หากทรัมป์แพ้เลือกตั้ง สื่อลูกเขยทรัมป์ตั้งคำถาม “เมียอดีต ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช” ส่งฮิลลารีเข้าสู่ทำเนียบขาวสำเร็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - วันนี้ (8 พ.ย) เป็นการเปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ศึกระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน แต่ทว่ามีสื่อทั้งจากฝั่งอเมริกา เช่น นิวยอร์ก เดลี และจากฝั่งอังกฤษ หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน ชี้ว่า ยังเป็นวันตัดสินอนาคตของพรรครีพับลิกัน (GOP) อาจจะเข้าสู่วิกฤตในรอบหลายร้อยปี “สงครามแยกพรรค” หากทรัมป์ต้องพ่ายในวันนี้ หลังจากสื่อลูกเขยของทรัมป์ “ดิออบเซิร์ฟเวอร์” ออกมาตั้งคำถามถึงขบถตระกูลบุช ที่อาจมีการแปรพักตร์ เลือกศัตรู “ฮิลลารี เดโมแครต” พร้อมตั้งคำถาม ลอรา บุช อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ภรรยาของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช จะทำให้ผู้สมัครจากเดโมแครตผู้นี้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไปสำเร็จ

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) ถึงสถานการณ์ของพรรครีพับลิกันที่มีตัวแทนพรรคคนนอก เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินหน้าเข้าสู่คูหาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันนี้ (8 พ.ย.) ท่ามกลางการไม่ได้รับการยอมรับจากแกนนำส่วนใหญ่ของพรรค

แต่ทว่าการเกิดทางการเมืองของทรัมป์ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่าย ทรัมป์ได้กลายเป็นตัวเร่งชนวนของการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า มูฟเมนต์ (movement) นำไปสู่การทำลายจิตวิญญาณแห่งความเป็นพรรคคอนเซอร์เวตีฟอเมริกัน GOP (รีพับลิกัน) รวมไปถึงตัวจักรกลขับเคลื่อนของพรรค เดอะเอสแทบลิชเมนต์ (the establishment) ที่ได้เคยนำพาพรรครีพับลิกันมาโดยตลอดในช่วงหลายร้อยปี โดยมีผู้นำที่เป็นเกียร์ติประวัติ เช่น ประธานาธิบดี อับราฮัม ลิงคอล์น เป็นหลักแถวหน้า

และไม่ว่าทรัมป์จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง หรือจะเป็นผู้ที่แค่ขี่หลังคลื่นกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง เดอะการ์เดียน ชี้ว่า สิ่งนี้ได้ทำให้เกิดสึนามิครั้งใหญ่ต่อพรรคแกรนด์ โอลด์ ปาร์ตี (รีพับลิกัน) อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ โดย เควิน แมดเดน (Kevin Madden) อดีตที่ปรึกษาระดับอาวุโส และโฆษกตัวแทนลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน ปี 2012 มิตต์ รอมนีย์ (Mitt Romney) ได้ระบุไว้ว่า “ใช่ เชื่อว่าน่าจะมีการเกิดสงครามกลางเมืองภายในพรรครีพับลิกันในไม่ช้านี้ และหากว่าผมจำเป็นต้องทำนายผลที่จะเกิดขึ้น ผมขอบอกเลยว่า ทรัมป์ และพรรคพวกของเขาได้ชัยชนะในศึกนี้ไปแล้ว”

ในขณะเดียวกัน สื่อสหรัฐฯ นิวยอร์กเดลี ได้ทำนายในวันอาทิตย์ (6 พ.ย.) ว่า สงครามแยกพรรครีพับลิกันจะเลวร้ายกว่ามาก หากว่า…ทรัมป์ต้องพ่ายในศึกการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯปีนี้ให้กับคู่แข่ง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต หลังจากที่ปีกขวาจัดภายในพรรค GOP ทีรู้จักในนาม ทีปาร์ตี (Tea Party) ได้สร้างความหายนะให้กับพรรคคอนเซอร์เวตีฟอเมริกาตลอดนับสิบปี และมาถึงยุคปัจจุบัน ทรัมป์ มูฟเมนต์ ที่กลายเป็นเสมือนระเบิดลูกใหญ่ มีส่วนผสมของความเป็นชาตินิยม นักการเมืองสัญญาว่าจะให้ และการเหยียดชาติพันธุ์มนุษย์ ได้ทำลายโอกาสการรวมพรรคให้เป็นหนึ่งเดียว จากแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ที่ได้ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯว่า เป็นเหมือน “ขยะพิษในยุคสมัยใหม่ของการเมืองอเมริกา”

โดยสื่อการเมืองอเมริกา ดิแอตแลนติกรายงานล่าสุด เปิดแผนที่แกนนำพรรครีพับลิกันที่ประกาศตัวไม่เอาทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันนี้ (8 พ.ย.)

ซึ่งดิแอตแลนติกชี้ว่า มีรายงานว่า คอลลิน พาวเวล (Colin Powell) ได้เปิดเผยกับเดอะ ลอง ไอแลนด์ แอสโซซิเอชัน ( the Long Island Association) ในบ่ายวันอังคาร (1 พ.ย.) ก่อนหน้านี้ ว่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่นำประเทศเข้าสู่สงครามอิรักในสมัยการบริหารของพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ออกมาประกาศยืนยันว่า เขาจะลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯให้กับตัวแทนพรรคคู่แข่ง ฮิลลารี คลินตัน

แต่อย่างไรก็ตาม สื่อการเมืองสหรัฐฯชี้ว่า ตัวแทนของพาเวลไม่ออกมายืนยันในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส.ว. รัฐแอริโซนา จอห์น แม็คเคน ได้ออกมาประกาศตัวถอนการสนับสนุนทรัมป์อย่างเป็นทางการในการเป็นตัวแทนลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯของพรรครีพับลิกัน หลังจากได้มีคลิปฉาวผู้หญิงของทรัมป์ถูกแฉไปทั่วประเทศ

และที่สำคัญที่สุด ดูเหมือนตระกูลบุชจากรัฐเทกซัส ที่มีอดีตประธานาธิบดีบุช ผู้ลูก ที่สามารถปักธงรบ GOP ในสมรภูมิการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นคนสุดท้ายจากพรรครีพับลิกันได้สำเร็จ ตีตัวออกห่างจากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกัน ไม่สนใจแม้ว่า ทรัมปจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของพรรครีพับลิกัน และเป็นโอกาสการเข้าสู่อำนาจทำเนียบขาวอีกครั้งหลังจากที่ได้เฝ้ารอมาตั้งแต่การประกาศผลเลือกตั้งในปี 2012

โดยสื่อดิออบเซิร์ฟเวอร์ของจาเรด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ลูกเขยของโดนัดล์ ทรัมป์ ได้ออกบทความในวันอาทิตย์ (6 พ.ย.) ตั้งคำถามว่า “อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บุช จะทำให้ฮิลลารี สามารถเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตคนต่อไปได้สำเร็จหรือไม่”

ดิออบเซิร์ฟเวอร์เปิดประเด็น โดยเริ่มจากการที่ทรัมป์ได้ทำลายความฝันของตระกุลบุช ในการเชือดทายาททางการเมืองคนล่าสุดของตระกุล อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เจฟ บุช เจ้าของฉายา Low Energy หรือ ลิเติลเจฟ ในศึกเลือกตั้งตัวแทนพรรค และทำให้เจฟต้องประกาศถอนตัวไม่นานหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งรอบแรกที่รัฐไอโอวา และทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ตระกูลบุชที่มีฐานอยู่ในรัฐเทกซัสอย่างช่วยไม่ได้ว่า บุชไดนาสตีจะเลือกที่จะเป็นขบถยอมแหกข้ามค่ายไปลงคะแนนให้กับศัตรูจากพรรคตรงกันข้ามเช่น ฮิลลารี หรือจะต้องจำยอมเลือกหลักการ อยู่กับตัวแทนของพรรค เช่น โดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ พบว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาธลีน เคนเนดี ทาวน์เซนด์ (Kathleen Kennedy Townsend) ได้เปิดเผยว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ กล่าวว่า เขาจะลงคะแนนเลือกคลินตัน และในภายหลังโฆษกของประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมายืนยันในเรื่องนี้

ส่วนตัวของอดีตคู่แข่งในการเลือกตั้งรอบไพรมารี เจฟ บุช ได้ประกาศว่า เขาจะไม่เลือกทั้งฮิลลารี หรือ ทรัมป์

ในขณะที่ลูกชายอีกคนของเชา อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ออกมาปฏืเสธที่จะให้การสนับสนุนในตัวทรัมป์อย่างเป็นทางการ แต่ทว่า จอร์จ พี. บุช (George P. Bush) หลานชายของบุชผู้ลูก ซึ่งทำหน้าที่เป็นอธิบดีที่ดินรัฐเทกซัส ได้หลุดปากออกมาในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นว่า ลุงของเขาที่เชื่อว่าอาจหมายถึง ประธานาธิบดีบุชผู้ลูก อาจจะเลือกฮิลลารีเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่นเดียวกันกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 บาบารา บุช แม่ของบุชผู้ลูก ซึ่งมีประวัติเคยออกอากาศโจมตีทรัมป์มาแล้ว

ทั้งนี้ ดิแอตแลนติกได้รายงานการให้ความเห็นของบาบารา บุช ที่ได้กล่าวในวันที่ 4 ก.พ. 2016 ว่า “ดิฉันหมายความว่า มันช่างน่าเหลือเชื่อ ดิฉันไม่ทราบว่าผู้หญิงอเมริกันจะสามารถออกเสียงเลือกใครสักคนที่ได้ใช้คำพูดเหมือนเช่นทรัมป์ได้ใช้กับผู้ประกาศข่าวหญิงสถานีฟ็อกซ์นิวส เมกิน เคลลี ได้อย่างไร มันเลวร้ายมาก”

และทำให้สื่อของลูกเขยโดนัลด์ ทรัมป์โยงไปถึงสตรีอีกหนึ่งที่มีบทบาทในตระกูลบุช “สุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บุช” อย่างช่วยไม่ได้

เดอะออบเซิร์ฟเวอร์รายงานว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในระหว่างการขึ้นกล่าวในงานผู้หญิงในเวิลด์ซัมมิต( the Women in the World Summit) สื่ออังกฤษ เดอะเทเลกราฟแห่งลอนดอน ได้รายงานว่า ดูเหมือนลอรา บุช ได้ส่งสัญญาณออกมาว่า เธออาจตัดสินใจเลือกผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ซึ่งคือ ฮิลลารี ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะถึงนี้ “ดิฉันต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯของเราคนถัดไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอ แต่ขอเป็นใครสักคนที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังในสถานภาพของสตรีในอัฟกานิสถาน”

และนอกจากในการเปิดเผยครั้งนั้น ดูเหมือนว่า ลอรา บุช ยังได้มีแนวโน้มในการสนับสนุนปัญหาสังคมไปในแนวทางเสรีนิยม ตรงกันข้ามกับนโยบายของพรรคอนุรักษ์ รีพับลิกัน เป็นต้นว่า การแต่งงานเพศเดียวกัน และสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ อ้างอิงจากการรายงานของรัสเซล โกลด์แมน (Russell Goldman) จากสื่อ เอบีซีนิวส์ ในขณะที่สื่อสหรัฐฯ CNN ระบุว่า ดูเหมือนลอรา บุชจะถูกเลี้ยงมาในตระกูลที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต

ซึ่งทำให้ดิออบเซิร์ฟเวอร์ออกมาชี้ว่า หากว่าสตรีผู้ทรงอำนาจแห่งตระกุลบุชผู้นี้เลิกเหนียมอาย และออกมาฟันธง ดันหลัง ฮิลลารี คลินตัน อย่างเต็มตัวก่อนหน้าวันเลือกตั้ง จะเป็นเสมือนคลื่นลูกใหญ่ที่จะส่งให้ตัวแทนพรรคเดโมแครตสตรีผู้นี้เข้าสู่ประตูทำเนียบขาวอย่างง่ายดาย โดยสำนักโพลแกลลอปได้สำรวจความเห็นชาวอเมริกัน และพบว่า ชาวอเมริกันสูงถึง 76% ให้ความนิยมในตัวของเธอ เกือบเป็น 2 เท่าของความนิยมในตัวอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ

และสื่อดิออบเซิร์ฟเวอร์ระบุต่อว่า การออกมาสนับสนุนของลอรา บุช จะมีคุณค่ามาก เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนทีมหาเสียงของคลินตันพยายามอย่างหนักในการตามล่าเสียงสนับสนุนจากผู้หญิงในส่วนของพรรครีพับลิกันมาโดยตลอด ที่ดูเหมือนจะมีความสำเร็จบางส่วน

และนอกจากตระกูลบุชแล้ว ดิแอตแลนติกรายงานต่อว่า และในส่วนของแกนนำพรรค GOP คนอื่นๆเป็นต้นว่า ประธานบริหารพรรครีพับลิกัน RNC ไรซ์ พรีบัส (Reince Priebus) ประธานสภาสหรัฐฯคนปัจจุบัน พอล ไรอัน อดีตประธานสภาสหรัฐฯ จอห์น เบนเนอร์ (John Boehner) ที่ได้เคยกล่าวว่า ทรัมป์และเขาเป็นบัดดี้ที่ส่งข้อความหากันตลอดได้ประกาศกับผู้ฟังในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ล่าสุด ว่า เขาให้การสนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งทั่วไปนั้น คนทั้งหมดนี้ล้วนสนับสนุนในตัวแทนพรรครีพับลิกัน

สอดคล้องกับอดีตประธานสภาสหรัฐฯ นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) ที่ออกมาปกป้องทรัมป์จากข้อกล่าวหาของผู้ประกาศข่าวสาวค่ายฟ็อกซ์นิวส์ เมกิน เคลลี นั้นเลือกที่จะสนับสนุนทรัมป์

ส่วนอดีตคู่หูประธานาธิบดีบุช ผู้ลูก รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิก เชนีย์ (Dick Cheney) ดิแอตแลนติกรายงานว่า ล่าสุด ยอมกลับลำประกาศเลือกทรัมป์ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านี้เชนีย์เคยวิจารณ์ว่า ทรัมป์เป็นพวกลิเบอรัลเดโมแครต

ด้าน มิตต์ รอมนีย์ อดีตตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2012 ได้ประกาศการตัดสินใจไม่สนับสนุนทรัมป์ในวันที่ 27 พ.ค.

ซึ่งทำให้ CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานล่าสุดในวันจันทร์ (7 พ.ย.) ถึงความคงเป็นแบรนด์พรรคคอนเซอร์เวตีฟอเมริกัน “เดอะ รีพับลิกัน” ว่า ดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งอเมริกาจะมองความต่างระหว่างแบรนด์ “พรรครีพับลิกัน” และ “ทรัมป์” แยกออกจากกันเด็ดขาด โดยนักทำโพล วิธ ไอร์ส (Whit Ayres) ได้ให้ความเห็นว่า “ผู้มีสิทธิลงคะแนนดูเหมือนจะแยกระหว่างพรรครีพับลิกันออกมาจากแบรนด์ทรัมป์ ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ได้จากผู้สมัครในระดับรัฐสภาสหรัฐฯของทางพรรคหลายคน เช่น ร็อบ พอร์ตแมน (Rob Portman) ในรัฐโอไฮโอ ชัค แกรสลีย์ (Chuck Grassley) ในรัฐไอโอวา และมาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) ในรัฐฟลอริดา และ พอล แม็คเคน ในรัฐฟอริโซนา ได้มีแคมเปญหาเสียงที่ก้าวหน้าไปกว่าของทรัมป์มาก

“จากข้อมูลชี้ให้เห็นว่า บรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต่างตัดสินใจในการออกเสียงจากความเห็นต่อตัวผู้สมัครเป็นหลัก หรือผลงานของคนเหล่านี้เมื่อครั้งอยู่ในตำแหน่ง และจากทั้งหมดเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ตัดสินหรือประเมินในตัว โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรคแม้แต่น้อย” ไอร์ส์ กล่าว และให้ความเห็นต่อว่า และถึงแม้ว่าทางพรรคจะแพ้ในการเลือกตั้งทำเนียบขาว แต่ทว่าเทรนด์นี้จะดำเนินอยู่ต่อไป และถือเป็นสิ่งที่ดีต่อพรรคในการสร้างความเป็น GOP ใหม่อีกครั้ง














กำลังโหลดความคิดเห็น