เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานคาดการณ์โอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) ของฮิลลารี คลินตันอยู่ที่ 84% ในขณะที่ โดนัดล์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่แค่ 16% คำนวณอ้างอิงจากผลโพลความเห็นที่ออกมาทุกสำนัก ด้านไนเจล ฟาราจ (Nigel Farage) ผู้นำพรรค UKIP ของอังกฤษ แกนนำเรียกร้อง BREXIT เขียนผ่านสื่ออังกฤษ เดลีเทเลกราฟระบุ หากทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป อเมริกาจะต้องได้เห็นพรรคทางเลือกที่ 3 เช่น UKIP เกิดในสหรัฐฯ แน่นอน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) ถึงสถานการณ์การเลือกตั้งล่าสุด โดยการใช้โมเดลอ้างอิงจากผลสำนักโพลที่ออกมาจนถึงวันอาทิตย์ (6) ทำให้สื่อสหรัฐฯ ฟันธงว่าโอกาสที่ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ฮิลลารี คลินตัน มีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ (8) นั้นมีสูงถึง 84% ในขณะที่ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสแค่ 16%
พบว่าดูเหมือนว่าถึงแม้จะมีปัญหาอีเมลฉาว แต่ทว่า ในโมเดลการคำนวนของสื่อสหรัฐฯ พบว่าคะแนนคลินตันล่าสุดในวันอาทิตย์ (6) สูงขึ้นกว่าในวันที่ 1 ต.ค ซึ่งพบว่า คลินตันมีคะแนน 76% ส่วนทรัมป์ได้คะแนน 24%
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 21-25 ต.ค คะแนนของคลินตันพุ่งสูงถึง 92 % ส่วนทรัมป์คะแนนตกเหลือแค่ 7% เท่านั้น
และในวันที่ 1 พ.ย นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า คลินตันได้ 88% ส่วนทรัมป์ได้ไป 12%
โดยพบว่าสำหรับรัฐตัดสินแบทเลกราวน์สเตท 15 รัฐ พบว่า เช่น (1) รัฐฟลอริดา นิวยอร์กไทม์สระบุว่า คลินตันมีโอกาสชนะถึง 70% เมื่อเทียบกับทรัมป์ ที่มีโอกาสเพียงแค่ 30% ในรัฐแห่งนี้ โดยผลโพลส่วนใหญ่ต่างให้คลินตันนำ 49 ต่อทรัมป์ที่สื่อ CNN (10/27-11/1) ให้ 47
Gravis Marketing/One America News (10/31) ให้ 46 และ Opinion Savvy (11/1-11/2) ให้ 45 จากระยะเวลาการสำรวจ
ส่วนใน (2) รัฐนอร์ทแคโรไลนา คลินตันมีโอกาสชนะ 66% ส่วนทรัมป์มีโอกาสชนะอยู่ที่ 34% (3) รัฐโคโลราโด นิวยอร์กไทม์สให้คลินตันมีโอกาสชนะถึง 86% ส่วนทรัมป์ได้ไปแค่ 14% แต่ทว่าใน(4) รัฐไอโอวานั้น โดนัลด์ ทรัมป์มีโอกาสชนะในรัฐนี้ 63% ส่วนคลินตันได้ไปแค่ 37% เหมือนเช่น (5) รัฐแอริโซนา ทรัมป์มีโอกาสชนะในรัฐนี้ถึง 81% เมื่อเทียบกับโอกาสของคลินตัน 19% และ (6) รัฐเนวาดา คลินตันได้ไป 66% ต่อทรัมป์34%
ในส่วนของการเลือกตั้งสภาสูงสหรัฐฯ นิวยอร์กไทม์สคาดการณ์ว่า โอกาสของพรรคเดโมแครตจะมีโอกาสชนะสูงถึง 53% เมื่อเทียบกับพรรครีพับลิกัน 47% โดยรัฐฟลอริดา ส.ว.มาร์โก รูบิโอ อดีตคู่แข่งทรัมป์ มีโอกาสที่จะได้รับเลือกกลับเข้ามาสูงถึง 85% ส่วนในรัฐแอริโซนา ส.ว.จอห์น แม็คเคน อดีตผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี2008 มีโอกาสได้รับเลือกกลับเข้ามาถึง 99% และในส่วนของรัฐอิลลินอยส์ ที่มี ส.ส.พรรคเดโมแครต ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ สายเลือดไทยลงชิวงเก้าอี้ ส.ว.ในสมัยแรก สื่อสหรัฐฯทำนายว่าในส่วนของรัฐอิลลินอยส์ พรรคเดโมแครตมีโอกาสชนะสูงถึง 98%
ด้าน ไนเจล ฟาราจ (Nigel Farage) ผู้นำพรรค UKIP ของอังกฤษ แกนนำเรียกร้อง BREXIT เขียนผ่านสื่ออังกฤษ เดลีเทเลกราฟ ระบุ หากทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป อเมริกาจะต้องได้เห็นพรรคทางเลือกที่ 3 เช่น UKIP เกิดในสหรัฐฯแน่นอน
โดยสื่อธุรกิจ IBT รายงานล่าสุดในวันจันทร์ (7 พ.ย.) ว่า เป็นที่แน่ชัดจากข้อเขียนของฟาราจนั้นสนับสนุนเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกัน โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไม่ต้องสงสัย ฟาราจได้ตั้งข้อกว่าหาคลินตันว่า “มีความใกล้ชิดในอำนาจนานเกินไป” และยังแสดงความคิดเห็นถึงคลินตันเมื่อครั้งเธอยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มีโทรศัพท์มือถือใช้ในขณะทำงานถึง 13 เครื่อง โดยเขาไดเปรียบเทียบโยงไปถึง “พฤติกรรมเช่นนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับแก๊งค้ายาเสพติดในอังกฤษที่ใช้โทรศัพท์แบบพรีเพด” ฟาราจประกาศ
และในคอลัมน์ของฟาราจที่ตีพิมพ์ในวันอาทิตย์ (6) ยังระบุต่อว่า “ทีมหาเสียงของทรัมป์มอง BREXIT เป็นเสมือนแรงบรรดาลใจทางการเมือง” เจ้าพ่อ BREXIT แห่งอังกฤษกล่าวต่อ และเสริมว่า ไม่วันไหนที่ทรัมป์จะไม่เอ่ยถึง การต่อสู้ระหว่างกลุ่มทุนทางธุรกิจและกลุ่มนักการเมืองชั้นนำนั้นช่างคล้ายกัน ฟาราจชี้อย่างมีนัย
ซึ่งในประเด็นนี้ ฟาราจได้ตอกหมุดไปที่ว่า “หากว่าทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เป็นเพราะมีผู้มีสิทธิ์หน้าใหม่ได้เข้าร่วมขบวนการขับเคลื่อนทางสังคมกับเขา” และฟาราจยังชื่นชมที่ทรัมป์สามารถพูดเข้าถึงชนอเมริกันตามท้องถนนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองอังกฤษผู้นี้ชี้ว่าพวกคลินตันและวอชิงตันไม่เคยทำได้ “สิ่งที่ประชาชนผู้อ่านชาวอังกฤษยากที่จะเข้าใจคือ คลินตันนั้นถูกประชาชนชาวอเมริกันนับล้านเกลียดชังอย่างไร”
ในประเด็นความไม่ลงรอยระหว่างพรรครีพับลิกันและทรัมป์ ฟาราจ ซึ่งเป็นผู้นำพรรคทางเลือกที่ 3 ของอังกฤษได้กล่าวถึงความเป็นคนนอกของทรัมป์ว่า ถึงแม้ว่าทรัมป์จะได้ชื่อว่า เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการจากพรรครีพับลิกัน แต่ก็เป็นเพียงแต่ในนามเท่านั้น “ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และหาเสียงในนามอิสระ” ฟาราจยืนยัน
มาถึงจุดนี้แม้ในฝั่งสหรัฐฯ เช่น หนังสือพิมพิมพ์นิวยอร์กไทม์สจะคาดการณ์กันว่า ฮิลลารี คลินตัน จะชนะการเลือกตั้งแต่ เจ้าพ่อ BREXIT กลับระบุว่า “จากการพัฒนาของสถานการณ์มาจนถึงจุดนี้ ความเป็นจริงที่ผลการเลือกตั้งยังคงไม่สามารถคาดเดาได้นั้นมันยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น”
และในบทความของฟาราจยังโยงไปถึงความมั่นคงสหรัฐฯ และทรัมป์ โดยอ้างว่า มีอดีตนายพลไม่ต่ำกว่า 200 นายได้เข้าแถวให้การสนับสนุนทรัมป์ “เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองทัพสหรัฐฯ ต่างเชื่อมั่นว่า “ทรัมป์” เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า” ฟาราจกล่าว
และในการเขียนของฟาราจ เขาเชื่อว่าผลการเลือกตั้งจะไม่ขาด แต่หากว่าทรัมป์เป็นฝ่ายปราชัยในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ สหรัฐฯ อาจจะได้เห็นพรรคทางเลือกที่ 3 เช่นพรรค UKIP ของอังกฤษถือกำเนิดในอเมริกาก็เป็นได้ “สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ ถึงแม้ว่าทรัมป์จะแพ้ แต่จิตวิญญาณแบบ UKIP ที่อยู่ในขบวนการทรัมป์จะไม่หายไปอย่างแน่นอน” ฟาราจแถลง และได้ชี้ต่อว่า เชื่อมั่นว่าจะมีพรรคทางเลือกที่ 3 ถือกำเนิดขึ้นในอเมริกา “ผมกล่าวเช่นนี้ เพราะผมไม่คิดว่า กลจักรพรรครีพับลิกันจะสามารถยอมรับทรัมป์ได้อย่างที่ควรจะเป็น - เหมือนเช่นเดียวกันกับที่พรรคคอนเซอร์เวตีฟอังกฤษที่นี่รู้สึกต่อตัวผม”
และในตอนท้าย ฟาราจกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ทรัมป์เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของระบบเลือกตั้งอเมริกาอย่างช่วยไม่ได้ “สิ่งที่ผมคิดได้ในเวลานี้คือ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าเขาจะมีความเพียบพร้อมหรือไม่ก็ตาม แต่ทว่าเขาคือเอเจนต์แห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้ และที่สำคัญ ทรัมป์รักประเทศของเรา สหราชอาณาจักรอังกฤษ และไม่ว่าในทางใด ทุกสิ่งจะไม่วันเหมือนเดิมอีกต่อไป”