xs
xsm
sm
md
lg

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองหุ้นไทยผันผวนกรอบแคบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดร.วิน มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (7-11 พ.ย.) การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยชี้นำตลาด ดัชนีอาจผันผวนในกรอบแคบ ให้รอดูผลการเลือกตั้ง คาดตลาดอาจจะขึ้น-ลงรุนแรงหลังเลือกตั้ง แนะกลยุทธ์เน้นลงทุนกลุ่ม Domestic Play ได้แก่ STEC CPALL INET และกลุ่มที่มีประเด็นบวก หรือราคาลงมามาก ได้แก่ MEGA BLA IVL มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,451-1,521 จุด

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST (Win Udomrachtavanich, Ph.D. Executive Chairman KTB Securities (Thailand ) Co., Ltd.) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (7-11 พ.ย.) ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (8 พ.ย.) เป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ทิศทางเศรษฐกิจ และการเมืองของโลก รวมถึงราคาสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ แม้นางฮิลลารี จะมีประเด็นในเรื่องการใช้ email ที่อาจมีผลต่อคะแนนที่จะออกมา แต่ผลสำรวจส่วนใหญ่รวมทั้ง บล.KTBST ยังคงเชื่อว่า นางฮิลลารี จากพรรคเดโมแครต น่าจะชนะการเลือกตั้งเหนือนายทรัมป์ ผลสำรวจ โดย http://www.realclearpolitics.com/

ซึ่ง ณ 6 พ.ย. เวลา 14.15 น. ตามเวลาในประเทศไทย ระบุว่า นางฮิลลารี มีคะแนนนำ 46.6% ต่อ 44.9% และมีชัยชนะใน 216 ต่อ 164 เขตเลือกตั้ง หากผลออกมาว่า นางฮิลลารีชนะ จะทำให้ตลาดทั่วโลกพลิกมาเป็นบวกในทันที คือ กลับขึ้นไปอยู่ในระดับของวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. ซึ่งเป็นวันก่อนที่ตลาดจะมีความกังวลในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม หากนายทรัมป์ พลิกมาชนะ จะเป็นลบต่อตลาดเช่นกัน เนื่องจากนโยบายทั้งเศรษฐกิจ และการทหาร ที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างการค้าระหว่างประเทศของโลกได้เลย และนโยบายทางการทหารที่เปลี่ยนไปจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อบทบาทของสหรัฐฯ ในการที่เป็นผู้นำของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ KTBST ประเมินว่า ผลกระทบต่อตลาดจะมีในช่วงสั้นๆ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว นโยบายทั้งหลายที่ถูกมองเป็นลบ หากเมื่อต้องการนำมาปฏิบัติจริง สมาชิกของรีพับรีกัน ทั้งสองสภาฯ อาจไม่ได้เห็นพ้องไปซะทุกเรื่อง คือ จะทำในบางส่วนเท่านั้น และไม่น่าจะเปลี่ยนอะไรได้มากจนเป็นลบอย่างที่กลัวกัน

ดังนั้น จนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือมีความชัดเจนต่อผลการเลือกตั้ง (รู้ผลวันที่ 9 พ.ย.) นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผล ซึ่งจะทำให้ทิศทางตลาดมีความผันผวนในกรอบแคบ (ที่ระดับประมาณ 1,477-1,509 จุด แต่หลังจากนั้น คาดว่าจะมีการขึ้น-ลง ที่รุนแรงขึ้น หากผลออกมาว่า นางฮิลลารีชนะการเลือกตั้ง ดัชนีฯ จะดีดตัวกลับขึ้นไปในทันที แต่หากตรงกันข้าม คือ นายทรัมป์ชนะ ดัชนีฯ จะปรับตัวลดลงในช่วงสั้นๆ อาจเห็นถึงระดับ 1,451 จุด ก็เป็นได้ โดยรวมภาพตลาดสัปดาห์นี้จะถูกชี้นำด้วยเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นหลัก

“การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ เราประเมินว่า การปรับพอร์ตเพื่อรับกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ความไม่นอนเรื่องนโยบายน QE หรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ จะยังมีต่อเนื่องไปอีกนานขนาดไหนหากสหรัฐฯ เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย หรือผลการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป รวมทั้งปัจจัยในประเทศบางตัวที่ยังไม่ชัดเจนนัก หากนางฮิลลารีชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี การขายของนักลงทุนกลุ่มนี้จะค่อยเป็นค่อยไป หุ้นกลุ่มที่เสี่ยงจะถูกขายจะเป็นกลุ่มที่ขาดปัจจัยหนุน กลุ่มมีความเสี่ยงในอนาคต หรือนักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อไว้มากในกลุ่ม ธนาคาร (NPLs+ความไม่มั่นคงในเรื่องรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย) กลุ่มน้ำมัน (เสี่ยงเรื่องการปรับลดการผลิตที่ยังไม่ลงตัว) และผู้ประกอบการโทรศัพท์ (การแข่งขัน และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมาก)”

ขณะที่การรายงานงบการเงินไตรมาส 3 ณ 4 พ.ย.59 บล. KTBST เก็บรวบรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทใน SET-mai 49 บริษัท หรือ 7% ของบริษัททั้งหมด มีกำไร 8.86 หมื่นล้านบาท +267% YoY และ +0.4% QoQ กำหนดส่งงบวันสุดท้าย คือ เช้า 15 พ.ย. สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่จะมีการส่งงบกันเป็นจำนวนมาก และจะมีผลต่อตลาดมากเช่นกัน บล.KTBST ประเมินบริษัทใน SET จะมีกำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 2.39 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 1.2 หมื่นล้านบาท และลดลง 2.8% QoQ 
 
ดร.วิน ยังแนะนำสำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่า นางฮิลลารี น่าจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่เราแนะนำให้รอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก่อน เพราะถึงจะเป็นข่าวดี แต่หุ้นจะขึ้นไม่แรงนัก เนื่องจากดัชนีฯ ลงมาไม่ถึง 20 จุด ขณะเดียวกัน ควรพร้อมที่จะรับผล หรือตัดสินใจต่อผลการเลือกตั้งที่จะออกมา ไม่ว่าจะเป็นซื้อ หรือขาย โดยเฉพาะฝั่ง “ซื้อ” นอกจากหุ้นที่น่าสนใจจะเป็นหุ้นที่ราคาลงมามากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา (9 พ.ย.-11 พ.ย.) บล.KTBST แนะนำให้เน้นหุ้นที่เป็น Domestic Play หรือมีธุรกิจในประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐไว้ก่อน (ยกเว้นกลุ่มธนาคาร) 

สำหรับหุ้นที่แนะนำในสัปดาห์นี้ แบ่งกลุ่ม ดังนี้ หุ้นกลุ่ม SET100 ที่คาดว่าจะเป็นบวก ถ้าฮิลลารีชนะได้แก่ : CPF TU PTT หุ้นรับผลบวกการลงทุน-ใช้จ่ายภาครัฐ ได้แก่ : STEC CPALL INET หุ้นที่มีประเด็นบวกอื่นๆ หรือราคาลงมามาก ได้แก่ : MEGA BLA IVL มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,451-1,521 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น