KTBST มอง SET ยังผันผวนจากปัจจัยเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะเป็นตัวแปรที่ผลสรุปยังไม่ชี้ขาด ส่งผลให้ภาพตลาดหุ้นขาดความชัดเจน ยอมรับการเล่นหุ้นช่วงนี้ยังยาก เพราะมีความผันผวนสูง ต้องเก็งว่าคนจะเล่นกลุ่มไหน ดังนั้น จึงควรเน้นหุ้น Domestic และหุ้นที่เก็งงบไตรมาส 3 ไว้ก่อน พร้อมให้กรอบ 1,488-1,500 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า ยังมีความผันผวน ปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังกดดัน นักลงทุนรอผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 8 พ.ย. เป็นตัวแปรสำคัญของตลาด เพราะการตรวจสอบ email ของนางฮิลลารี จากทาง FBI จึงทำให้ช่วงห่างของคะแนนระหว่างนางฮิลลารี กับนายทรัมป์ ยังไม่ขาด
ผลสำรวจบางแห่งถึงกับให้นายทรัมป์ มีคำแนนนำด้วย เริ่มคิดถึงผลเลือกตั้งครั้งนี้เทียบกับตอนโหวต Brexit ว่าจะเป็นลบต่อตลาด แต่ panic หรือไม่คงตอบยาก หากนายทรัมป์ เกิดชนะการเลือกตั้งขึ้นมาจริงๆ จึงเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนระดับสถาบันต้องสนใจ และปรับพอร์ตรอรับ หากทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง นี่คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องมาลงเรือลำเดียวกับสหรัฐฯ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลง ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขยับขึ้น และราคาทองคำขึ้น แม้ผลบางส่วนมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เป็นสัญญาณบอกว่า นักลงทุนกังวลต่อผลเลือกตั้งสหรัฐฯ จึงประมาทไม่ได้ สำหรับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะออกในคืนนี้ เป็นตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้การซื้อขายชะลอลง (ผลสำรวจ Bloomberg คาดตัวเลข Non-Farm Payroll+173k ; เดือนก่อน+156k)
ขณะที่เรื่องศาลอังกฤษสั่งให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการผ่านสภาฯ ก่อนในเรื่องการเดินหน้า Brexit ในเดือน มี.ค.60 ในเรื่องนี้ช่วงสั้นๆ จะเป็นบวก (Bloomberg BREXIT Equity Index +1.3% ในวันที่ผ่านมา) แต่เหมือนการซื้อเวลา ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาของความคลุมเครือถูกยืดออกไป ส่วนราคาน้ำมัน ยังไม่เปลี่ยนทิศทาง คือ trend น่าจะวิ่งเข้าใกล้ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถ้าผู้ผลิตน้ำมันยังตกลงเรื่องจำนวนการผลิตที่จะลดลงไม่ได้ และมีวิเคราะห์กันมาแล้วว่า ประเทศรัสเซียที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการประชุม และคาดหมายว่าจะลดกำลังการผลิตมากที่สุด อาจไม่ลดกำลังการผลิต หรือลดน้อยมาก
สำหรับปัจจัยในประเทศที่เป็นปัจจัยบวก คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจกับการใช้จ่ายของรัฐฯ ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นที่เป็น Domestic Play ทั้ง รับเหมา หุ้นมีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค และหุ้น ICT ที่รับวางระบบ เป็นต้น ส่วนการเก็งงบไตรมาส 3 นั้น มองว่านักลงทุนให้ความสนใจต่อเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยผลประกอบการไตรมาส 3 (ณ วันที่ 3 พ.ย.) กำไรตลาดอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท
“การเล่นหุ้นช่วงนี้ยังยาก เพราะมีความผันผวนสูง ต้องเก็งว่า คนจะเล่นกลุ่มไหน หากเป็นนักลงทุนที่ลงยาวจะยาก ดังนั้น จึงควรเน้นหุ้น Domestic และหุ้นที่เก็งงบไตรมาส 3 ไว้ก่อน ส่วนหุ้นที่อิงรายได้ส่งออกเรื่องเลือกตั้งสหรัฐฯ มีผลมาก ยกเว้นกลุ่มอาหารแช่แข็งที่สหรัฐฯ ต้องนำเข้าอยู่แล้ว หุ้นที่น่าสนใจวันนี้ STEC, CFRESH, WORK มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,488-1,500 จุด” นายมงคล กล่าว