เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ตกตะลึงไปทั่วทั้งวงการสื่อสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้บุกเข้าสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในในวันอังคาร(22 พ.ย) และให้สัมภาษณ์กับผู้บริหารและนักข่าวของสื่อยักษ์ใหญ่แบบตัวต่อตัวแบบไม่เม้มร่วม 75 นาที ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ให้สัมภาษณ์เป็นทางการกับสื่อนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ และมาจนถึงวินาทีนี้ยังไม่มีการเปิดแถลงข่าว ถือเป็นปรากฎการณ์ที่คู่กัด ซึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่า “นิวยอร์กไทม์สเป็นสื่อที่ล้มเหลว” แต่ทรัมป์กลับเอ่ยคำหวานกับผู้บริหารของสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯก่อนจาก “หวังว่าเราจะไปด้วยกันได้” หลังก่อนหน้า ได้ยกเลิกการนัดหมายกับสื่อสหรัฐฯผ่านทางทวีตเตอร์แบบไม่ทันตั้งตัว และเปลี่ยนใจอีกครั้งในภายหลัง ยกพลบุกไปพบคู่ต่อสู้ถึงที่
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(22 พ.ย)ว่า เป็นที่กล่าวขวัญในการเดินทางฝ่ารถติดในนิวยอร์กในวันอังคาร(22 พ.ย)ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เดินทางพร้อมคณะชุดใหญ่ไปยังสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด
ซึ่งในการรายงานของไทม์ส ได้ระบุว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันเรียกสื่อ “นิวยอร์กไทม์ส เป็นสื่อที่ล้มเหลว” จากสาเหตุที่ ตามคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ที่เชื่อว่าหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯฉบับนี้มักจะเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และใช้โทนการเสนอข่าวที่น่ารังเกียจ
โดยการพบปะระหว่างทรัมป์และกองบริหารอาวุโสของนิวยอร์กไทม์สและนักข่าวเกิดขึ้นที่ห้องเชอร์ชิลของสำนักงานใหญ่นิวยอร์กไทม์ส ในการหารือแบบถึงพริกถึงขิงร่วม 75 นาทีจากการรายงานของนิวยอร์กไทม์ส ในขณะที่นักข่าวที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะสัมภาษณ์ต่างทวีตรายงานสดกันอย่างครื้นเครง เป็นต้นว่า ไมค์ กรีนบอม(Mike Grynbaum) นักข่าวของไทม์สที่อยู่ในประชุมได้ทวีตว่า “ในกฎหมายความผิดฐานหมิ่นประมาทของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า “มีคนเคยกล่าวกับเขาว่า คุณรู้ไหมว่า คุณอาจมีสิทธิ์ถูกฟ้องหลายข้อหาที่เยอะกว่านี้มาก” และผมตอบกลับว่า “คุณรู้ไหม ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย” ”
สื่ออังกฤษรายงานต่อว่า ในช่วงเช้าวันอังคาร(22 พ.ย)หลัง 6.00 น.พบว่า ทรัมป์ได้ประกาศการยกเลิกการนัดหมายระหว่างเขาและสื่อนิวยอร์กไทม์สในการให้สัมภาษณ์ ซึ่งโฆษกของสื่อสหรัฐฯแถลงว่า ทางนิวยอร์กไทม์สเพิ่งทราบเรื่องการยกเลิกนัดหมายผ่านการทวีตของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และโฆษกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สยังเปิดเผยต่อสื่อสหรัฐฯ CNN Money ว่า ตัวแทนของทีมทรัมป์ได้ร้องขอให้เป็นการให้สัมภาษณ์เป็นการพบปะแบบส่วนตัว และไม่มีการเปิดเผยเป็นทางการ แต่ในภายหลังทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปร่วม และสามารถตกลงว่า จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้น และอีกส่วนใหญ่ในการให้สัมภาษณ์กับคอลัมนิสต์และนักข่าวของไทม์ส
ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า นิวยอร์กไทม์สได้รายงานอย่างเกาะติดถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ต่อทรัมป์ ที่ต้องเผชิญหน้าระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจและหน้าที่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งนี้ CNN Money รายงานว่า ข่าวหน้าหนึ่งของไทม์สในวันอังคาร(22 พ.ย)พบว่า สื่อนิวยอร์กไทม์สได้ตั้งคำถามว่า ข้อตกลงทางธุรกิจของทรัมป์จะละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯหรือไม่ ที่ได้กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งยอมรับของขวัญหรือผลประโยชน์จากรัฐบาลต่างชาติ
โดยแม็กกี ฮาเบอร์แมน( Maggie Haberman) นักข่าวจากหนังสือพิมพ์นิวอยร์กไทม์สอีกคนที่ร่วมอยู่ในที่ประชุมได้รายงานสดผ่านทวีตเตอร์ถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่ทรัมป์ได้เอ่ยว่า “ในทางทฤษฎี ผมสามารถยังคงบริหารธุรกิจของตัวเองต่อไปได้อย่างดี และพร้อมกับบริหารสหรัฐฯไปได้พร้อมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทรัมป์ได้กล่าวถึงความยุ่งยากของเขา” และยังกล่าวต่อว่า “และในทางทฤษฎี ทรัมป์กล่าวว่า เขายังคงที่จะสามารถเซ็นเช็กในบริษัทของตัวเองได้ต่อไป แต่ทว่าในขณะนี้เขาจะพยายามไม่ทำเช่นนั้น และปล่อยให้ลูกๆของตัวเองทำหน้าที่นี้แทน”
บีบีซีรายงานว่า ทั้งนี้ในช่วงเย็นวันจันทร์(21 พ.ย)ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เชิญนักข่าวทีวีเน็ตเวิร์กของสหรัฐฯที่มีชื่อเสียงหลายคนไปพบที่ทรัมป์ ทาวเวอร์ ซึ่งรวมไปถึงเลสเตอร์ โฮลต์( Lester Holt) จากสื่อ MSNBC วูล์ฟ บลิตเซอร์ (Wolf Blitzer) จาก CNN และ จอร์จ สเตฟาโนเปาลอซ(George Stephanopoulos)จาก ABC ที่คนเหล่านี้ต่างเชื่อว่า ถูกเชิญไปเพื่อปรึกษาในการเสนอข่าวประธานาธิบดีสหรัฐฯและว่าที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แต่ทว่ากลับกลายเป็นว่า มีรายงานว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เรียกนักข่าวทีวีเน็ตเวิร์กสหรัฐฯเหล่านี้กลางที่ประชุมว่า “พวกโกหก” และตราหน้าอาชีพสื่อสารมวลชนว่า “ต่ำชั้นกว่ามนุษย์”
ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ได้เข้าร่วมในวันจันทร์(21 พ.ย) ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์พบปะระหว่างทรัมป์และกลุ่มนักข่าวทีวีอเมริกาต่อสื่อ นิวยอร์กโพสต์ว่า “การประชุมเป็นเสมือนหายนะดีๆนี่เอง”
ทั้งนี้ในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯและตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะ มีรายงานว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สได้ส่งจดหมายขอโทษไปยังผู้อ่านของสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ โดยโพลิแฟ็ค สื่อการเมืองสหรัฐฯรายงานในวันที่ 15 พ.ยว่า ในจดหมายขออภัยราว 200 คำ นิวยอร์กไทม์สได้ขอบคุณผู้อ่านที่ยังคงติดตามการรายงานของสื่อสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกัน นิวยอร์กไทม์สระบุว่า ทางสำนักพิมพ์จะปรับเข็มทิศเป้าหมายการทำงานใหม่ให้สอดคล้องไปตามมาตรฐานระดับสูงของสื่อสารมวลชนที่ทางนิวยอร์กไทม์สใช้เรื่อยมา
แต่อย่างไรก็ตาม ในจดหมายถึงผู้อ่านนี้ ไม่มีข้อความใดระบุว่า เป็นการขอโทษ หรือชี้ว่าที่ผ่านมาในการรายงานข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องกับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสิ่งเลวร้าย
ด้านเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ได้ทวีตถึงจดหมายขออภัยจากนิวยอร์กไทม์สในวันที่ 13 พ.ย ว่า “สื่อนิวยอร์กไทม์สได้ส่งจดหมายไปยังผู้อ่านสมัครสมาชิกของทางสำนักพิมพ์ ขอโทษต่อรายงานข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวผม ผมสงสัยว่านิวยอร์กไทม์สจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ สงสัยเช่นนั้น” ทั้งนี้ โฆษกของทรัมป์ สตีเวน เฉิง(Steven Cheung) ได้อธิบายถึงการออกมาทวีตของทรัมป์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวอ้างไปถึงความเป็นจริงที่ระบุในจดหมายขออภัยของนิวยอร์กไทม์สที่ว่า ทางสื่อนิวยอร์กไทม์สยอมรับกับผู้อ่านว่า สำนักพิมพ์ได้ประเมินเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์นั้นต่ำเกินไป โดยทางนิวยอร์กไทม์สได้กล่าวในจดหมายว่า “เป็นชัยชนะที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
ซึ่งทางโพลิแฟ็คระบุว่าในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นิวยอร์กไทม์สคาดการณ์ว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคือ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต โดยระบุให้คลินตันมีโอกาสชนะการเลือกตั้งถึง 90% แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมากลับกลายเป็นว่า การคาดการณ์ของนิวยอร์กไทม์สนั้นผิดพลาดครั้งมโหฬาร