xs
xsm
sm
md
lg

InClips: สุดอึ้ง “คิม จอง อุน” เมาปลิ้น อาละวาดสั่งเหล่า ผบ.กองทัพเกาหลีเหนือ เขียนจดหมายขอโทษ แสดงความสำนึกผิด - สหรัฐฯชี้เปียงยางเตรียมยิงทดสอบรอบใหม่ แถมเชื่อติดหัวรบนิวเคลียร์สำเร็จแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/เอพี - แหล่งข่าวเปิดเผยในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จอง อุน เกิดดื่มสุราจนเมามาย และได้ออกคำสั่งให้ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพเกาหลีเหนือ ที่อยู่ด้วยในเวลานั้น ให้เขียนจดหมายขออภัยที่แสดงคำกล่าวติเตียนตนเองให้กับผู้นำสูงสุดของประเทศ หลังจากกล่าวหาว่าผู้นำระดับสูงการทหารเหล่านี้ล้มเหลวในการพัฒนาดาวเทียมทางการทหารให้กับประเทศสำเร็จ พร้อมข่มขู่ต่อ เป็นโทษขั้นทรยศต่อสาธารณรัฐ แต่ตื่นเช้าขึ้นมา ผู้นำคิมกลับจำอะไรไม่ได้ ในขณะที่แหล่งข่าวสหรัฐฯเปิดเผยล่าสุดเชื่อ เปียงยางจะทำการทดสอบยิงมิสไซล์รอบใหม่ และเชื่อว่า ในขณะนี้เปียงยางอาจพัฒนาติดตั้งหัวรบนุกสำเร็จ

ฟ็อกซ์นิวส สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) ว่า ดูเหมือนว่าเผด็จการผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อุน จะไม่ใช่ประเภทคอสุราที่ยามเมาและสงบเรียบร้อย เพราะแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลกับสื่อญี่ปุ่น ว่า ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือได้ออกคำสั่งให้กับบรรดาผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพเกาหลีเหนือให้เขียนจดหมายขอโทษ และกล่าวตำหนิติเตียนตนเอง โดยพบว่าในขณะที่ออกคำสั่งอยู่นั้นผู้นำเกาหลีเหนืออยู่ในอาการที่เมามาย และแทบจะครองสติไม่อยู่

โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือได้ประกาศต่อผู้บัญชาระดับสูงที่อยู่ในที่นั้นว่า “ไม่มีใครสักคนในที่นี้ที่จะสามารถพัฒนาดาวเทียมทางการทหารได้แม้แต่ดวงเดียวได้สำเร็จ ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่าเป็นการประพฤติผิดทางวินัย ซึ่งเท่ากับเป็นโทษถึงขั้นทรยศต่อชาติ”

แต่อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์นิวส ชี้ว่า ในรุ่งเช้าวันถัดมาดูเหมือนผู้นำคิมแห่งเกาหลีเหนือจะไม่มีความทรงจำในเรื่องนี้ แต่กลับแสดงความมึนงงที่เห็นผู้นำระดับสูงทางการทหารของเกาหลีเหนือที่ล้วนอยู่ในอาวุโสกลับรวมตัวกันภายในวิลลาที่พักส่วนตัวของเขา

โดยแหล่งข่าวระบุว่า ผู้นำเกาหลีเหนือได้สอบถามบรรดาผู้นำการทหารเหล่านี้ออกไปว่า “ทำไมพวกคุณจึงมาอยู่ที่นี่” และกล่าวเสริมต่อว่า “ขอให้ระวังด้านสุขภาพด้วยเพราะพวกคุณล้วนแต่สูงอายุทั้งนั้น”

และหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของ คิม จอง อุน แล้ว แหล่งข่าวได้ชี้ว่า ถึงกับทำให้บรรดาผู้นำทางการทหารระดับสูงนั้นเริ่มต้นร้องไห้ ซึ่งเป็นอากัปกิริยาที่ทำให้ผู้นำคิมพึงพอใจ ฟ็อกซ์นิวส์ ชี้

โดยแหล่งข่าวได้เปิดเผยกับโตเกียวชิมบุน ว่า “คนทั้งหมดเหล่านั้นล้วนโล่งอกทั้งสิ้น เพราะในตอนแรกพวกเขาเกรงว่าอาจจะถูกเล่นงาน” และกล่าวต่อว่า “ทุกคนต่างต้องแสดงออกถึงความจงรักภักดีอย่างที่สุด เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกประหารชีวิต และไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวต่อต้านผู้นำคิมทั้งนั้น”

โดยปัญหาโครงการพัฒนาทางการทหาร โดยเฉพาะด้านอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือสร้างความวิตกไปทั่ว ล่าสุด ในวันพุธ (14 ธ.ค.) สื่อสหรัฐฯวอชิงตันไทม์สรายงานว่า แหล่งข่าวสหรัฐฯเปิดเผยว่า ดูเหมือนทางเกาหลีเหนือเตรียมที่จะทำการทดสอบยิงจรวดมิสไซล์รอบใหม่อีกครั้งเพื่อตอบโต้การประกาศคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติล่าสุดในวันที่ 1 ธ.ค. และในวันอังคาร (13 ธ.ค.) สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ตัวแทนทางนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ ได้ตกลงร่วมกันในความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการบังคับใช้การคว่ำบาตรเกาหลีเหนือตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ พร้อมทั้งมาตรการที่ไม่ผูกพันร่วมกันออกมาโดยทั้ง 3 ชาติ

และก่อนหน้านี้ สื่อธุรกิจไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานในวันจันทร์ (12 ธ.ค.) แสดงความกังวลต่อปัญหาเกาหลีเหนือและการพัฒนาทางการทหาร ว่า เกาหลีเหนือนั้นถือเป็นอันตรายและหายนะอย่างแท้จริงต่อเสถียรภาพและความสงบของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยรัฐบาลเปียงยางแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจนในความต้องการครอบครองมิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยไกล

โดยผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อกันว่าในขณะนี้ทางเกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์ในความครอบครองกว่า 20 ลูก และทางเปียงยางได้ทำการติดตั้งจรวดมิสไซล์ที่มีพิสัยการยิงครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น รวมไปถึงยังทำการทดสอบในการพัฒนาระบบมิสไซล์ของตนเองโดยมีเป้าหมายสามารถทำลายชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯได้สำเร็จ

ซึ่งไฟแนนเชียลไทม์สวิเคราะห์ว่า ต้องขึ้นอยู่กับเวลาว่าเปียงยางจะสามารถพัฒนาทำให้ระเบิดนิวเคลียร์นั้นมีขนาดเล็กพอที่จะติดหัวรบมิสไซล์ เพื่อถูกส่งไปในระยะพิสัยไกลได้สำเร็จหรือไม่ โดยสื่อธุรกิจคาดว่า อาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น และได้เตือนไปยังวอชิงตันและพันธมิตรไม่ให้นิ่งนอนใจ โดยก่อนหน้านี้ ในปี 2008 แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเคยออกมาเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือช่วยเหลือซีเรียในโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

อย่างไรก็ตาม ในการรายงานของเอพีในวันที่ 8 ธ.ค. ล่าสุด พบว่า แหล่งข่าวสหรัฐฯออกมาเตือนให้ระวังศักยภาพเกาหลีเหนือในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ***เพราะดูเหมือนทางสหรัฐฯจะเชื่อว่าในขณะนี้เปียงยางมีความสามารถที่จะยิงอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้ว แต่ในขณะที่ทางสหรัฐฯ เชื่อว่า เปียงยางสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จแล้ว แต่ทางแหล่งข่าวสหรัฐฯชี้ว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทางเปียงยางสามารถควบคุมให้ยิงถูกเป้าหมายได้หรือไม่***

ซึ่งก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พลเรือเอก วิลเลียม กอร์ตนี (William Gortney) ผู้บัญชาการกองเรือเหนือ ได้ออกมาให้ความเห็นว่า เปียงยางอาจจะค้นพบวิธีการทำให้ระเบิดนิวเคลียร์มีขาดเล็กมากพอที่จะสามารถติดตั้งบนหัวรบจรวดมิสไซล์พิสัยไกลได้สำเร็จ

ภาพดาวเทียมแสดงบริเวณทดสอบการยิงมิสไซล์ของเกาหลีเหนือในปี 2012





InPics&Clips:ทรัมป์เปิดศึกกับสื่อสหรัฐฯเกือบทุกค่าย ด่านิวยอร์กไทมส์คู่กัด “สื่อล้มเหลว” แต่เปลี่ยนใจยกทัพบุกเข้า สนง.ใหญ่นิวยอร์กไทม์ส” หลังก่อนหน้าทวีตยกเลิกนัดหมายแบบสายฟ้าแลบ
InPics&Clips:ทรัมป์เปิดศึกกับสื่อสหรัฐฯเกือบทุกค่าย ด่านิวยอร์กไทมส์คู่กัด “สื่อล้มเหลว” แต่เปลี่ยนใจยกทัพบุกเข้า สนง.ใหญ่นิวยอร์กไทม์ส” หลังก่อนหน้าทวีตยกเลิกนัดหมายแบบสายฟ้าแลบ
ตกตะลึงไปทั่วทั้งวงการสื่อสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้บุกเข้าสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในในวันอังคาร(22 พ.ย) และให้สัมภาษณ์กับผู้บริหารและนักข่าวของสื่อยักษ์ใหญ่แบบตัวต่อตัวแบบไม่เม้มร่วม 75 นาที ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ให้สัมภาษณ์เป็นทางการกับสื่อนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ และมาจนถึงวินาทีนี้ยังไม่มีการเปิดแถลงข่าว ถือเป็นปรากฎการณ์ที่คู่กัด ซึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่า “นิวยอร์กไทม์สเป็นสื่อที่ล้มเหลว” แต่ทรัมป์กลับเอ่ยคำหวานกับผู้บริหารของสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯก่อนจาก “หวังว่าเราจะไปด้วยกันได้” หลังก่อนหน้า ได้ยกเลิกการนัดหมายกับสื่อสหรัฐฯผ่านทางทวีตเตอร์แบบไม่ทันตั้งตัว และเปลี่ยนใจอีกครั้งในภายหลัง ยกพลบุกไปพบคู่ต่อสู้ถึงที่
กำลังโหลดความคิดเห็น