เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ทำเนียบขาวแถลงยอมรับเมื่อวานนี้(15 พ.ย) เพิ่งได้รับเอกสาร MOU เปลี่ยนผ่านอำนาจจากทีมของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ค่ำวันอังคาร(15 พ.ย) หลังจากล่าช้าหยุดดำเนินการขั้นตอนเปลี่ยนผ่านอำนาจใหม่ถึง 4 วัน สุดอึ้งเลือดสาดล้างแค้นคาทีมรับผิดชอบ จาเรด คุชเนอร์ (Jared Kushner)ลูกเขยทรัมป์ เชือดอดีตหัวหน้าทีม คริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ถูกปลดฟ้าผ่าวันศุกร์(11 พ.ย)โยกว่าทีรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ขึ้นแทน เบื้องหลังพบ พ่อคุชเนอร์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อเมริกัน ชาร์ลส์ คุชเนอร์(Charles Kushner) ถูกคริสตีสั่งฟ้องข้อหาเลี่ยงภาษีจนต้องติดคุก 2 ปี แต่กลับกลายเป็นว่าคริสตีเป็นคนลงนามร่วมกับทำเนียบขาวเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านก่อนถูกไล่ออก
เดอะฮิล สื่อการเมืองสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(15 พ.ย)ว่า ถึงแม้ว่าการประกาศผลการเลือกตั้งสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในคืนวันเลือกตั้ง(8 พ.ย)และคู่แข่ง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการในวันถัดมา แต่ทว่ากระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากรัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบันไปยังชุดใหม่ที่อยู่ในระหว่างการจัดตั้งกลับเกิดปัญหา และล่าช้าจนไปถึงความโกลาหล หลังทำเนียบขาวได้ออกแถลงยอมรับล่าสุดว่า เพิ่งได้รับเอกสาร MOU การจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารทางการเมืองจากทีมจัดการของทรัมป์ในค่ำวานนี้(15 พ.ย)
แต่ทว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ยังจำเป็นต้องทำตามกระบวนการขั้นตอนต่อจากนั้นเพื่อให้กระบวนการยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้สื่อการเมืองสหรัฐฯพบว่า ว่าทีรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ หัวหน้าทีมจัดการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจคนปัจจุบันของทรัมป์ เพิ่งได้มีโอกาสเซ็นเอกสารหัวใจหลักของการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา มาให้กับทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านั้นกระบวนการต้องถูกหยุดชะงักไปถึง 4 วันเต็ม สร้างความงุนงงให้กับทำเนียบขาวและสื่อมวลชนสหรัฐฯเป็นอันมาก
โดยโฆษกทำเนียบขาว แบรนดี ฮอฟไฟน์(Brandi Hoffine) ออกแถลงการณ์ชี้ว่า “หลังจากที่เราได้รับเอกสารแบบฟอร์ม…เหล่านั้นแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถได้รับเอกสารรายงานสรุปที่ทางทำเนียบขาวได้เตรียมไว้ และสามารถเริ่มต้นกระบวนการติดต่อกับทีมทำเนียบขาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน บารัค โอบามา ต่อไป ซึ่งทางเราจะคอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการบริหารประเทศไปสู่คณะรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ที่จะถูกจัดตั้งขึ้น”
เดอะฮิลรายงานว่า ทั้งนี้ผู้ที่ลงนามเอกสารการเปลี่ยนผ่านเพื่อเริ่มต้นกระบวนการคือ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมการจัดการเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ในครั้งแรก โดยทางสื่อการเมืองสหรัฐฯพบว่า เขาได้ลงนามกับทำเนียบขาวไม่กี่วันหลังจากวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเสร็จสิ้น
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคริสตีถูกไล่ออกฟ้าผ่าในวันศุกร์(11 พ.ย) และทางทรัมป์ได้โยกเพนซ์ที่ไม่ได้เป็นผู้ลงนามในเอกสารต่างๆให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมแทน ส่งผลเกิดเดดล็อกอย่างรุนแรง เพราะหัวหน้าทีมคนใหม่ไม่ใช่ผู้ลงนามตามที่กฎหมายสหรัฐฯกำหนดไว้
ทั้งนี้แหล่งข่าวทำเนียบขาวเปิดเผยกับเดอะฮิลว่า เอกสาร MOU ที่ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ลงนามเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่คริสตีได้เคยลงนามไว้ก่อนหน้านั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และความล่าช้าได้ส่งผลอย่างร้ายแรงต่อโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเวลาเพียงแค่ 66 วันเท่านั้นที่ต้องจัดการทุกสิ่งให้สำเร็จ
ด้านแหล่งข่าวของทีมทรัมป์ออกมาเปิดเผยว่า เพนซ์ได้ใช้เวลาทำงานนานร่วม 6 ชม.เมื่อวานนี้(15 พ.ย)ภายในทรัมป์ ทาวเวอร์ อดีตสำนักงานเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และปัจจุบันกลายเป็นศูนย์บัญชาการจัดตั้งรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ ซึ่งพบว่า เพนซ์ได้ออกคำสั่งให้จัดการปลดล็อบบี้ยิสต์ทั้งหมดออกจากทีมจัดการเดิม อ้างอิงจากวอลสตรีทเจอร์นัล ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจครั้งแรกของเพนซ์ในฐานะหัวหน้าจัดตั้งรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่
และเบื้องหลังความโกลาหลอย่างสุดเหลือเชื่อ กลับพบว่ามีเงื่อนงำโยงไปถึงผู้มีอำนาจเบื้องหลังทรัมป์ตัวจริง จาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยทรัมป์ วัย 35 ปี ซึ่งสื่อธุรกิจบลูมเบิร์ก รายงานชี้ว่า คุชเนอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งปลดฟ้าผ่าอดีตหัวหน้าทีม คริส คริสตีออก
โดยเบื้องลึกวงในเปิดเผยสู่สาธารณะเมื่อ ไมค์ โรเจอร์ส (Mike Rogers) อดีตประธานคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ได้รับการทาบทามจากคริสตีในการเป็นผู้วางแผนนโยบายด้านความมั่นคงสหรัฐฯสำหรับการเปลี่ยนผ่าน ประกาศลาออกในวันอังคาร(15 พ.ย) แต่ทว่าแหล่งข่าว 2 คนที่ใกล้ชิดระบุว่า แท้จริงแล้วโรเจอร์สถูกไล่ออก ซึ่งมีปัญหาเกิดมาจากความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างคริสตี และคุชเนอร์ ผู้ทรงอิทธิพลต่อการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ และยังเป็นสามีของอีวังกา ทรัมป์ ลูกสาวของโดนัลด์ ทรัมป์
และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่า คุชเนอร์และคริสตีเคยมีอดีตร่วมกันมาก่อน โดยเดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(16 พ.ย)ว่า คริสตีเป็นผู้ทำให้บิดาของคุชเนอร์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อเมริกัน ชาร์ลส์ คุชเนอร์(Charles Kushner) ถูกรัฐนิวเจอร์ซีย์สั่งฟ้องข้อหาเลี่ยงภาษีจนต้องติดคุกนานร่วม 2 ปี
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2004 เมื่อคริสตีดำรงตำแหน่งอัยการประจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ และได้สั่งฟ้องพ่อของคุชเนอร์หลายข้อกล่าวหา รวมไปถึงความผิดการเลี่ยงภาษี และเกี่ยวกับการบริจาคปลอมที่มีความผิดรวม 18 กระทง และทำให้ชาร์ลส์ คุชเนอร์ต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในขณะที่จาเรด คุชเนอร์ บุตรชายที่ขณะนั้นมีอายุเพียงแค่ 24 ปีและกำลังอยู่ในระหว่างการเรียนคณะกฎหมายต้องเข้ามารับผิดชอบบริหารกิจการของบิดาตนเองในระหว่างนั้น
บลูมเบิร์กรายงานต่อว่า และเชื่อกันว่าคุชเนอร์ยังเป็นหนึ่งในเสียงนำที่ไม่เห็นด้วยให้คริสตีถูกคัดเลือกร่วมชิงตำแหน่งคู่กับทรัมป์ในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อธุรกิจชี้ว่า คุชเนอร์ไม่ตอบต่อข้อซักถามเหล่านี้เกี่ยวกับผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ แต่แหล่งข่าวผู้ช่วยในทีมจัดการเปลี่ยนผ่านได้กล่าวว่า ความอาฆาตของคุชเนอร์ไม่ใช่เป็นต้นเหตุของการปลดพันธมิตรของอดีตหัวหน้าทีมคริสตีแต่อย่างใด แต่ทว่า เป็นผลมาจากความคืบหน้าในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านไม่รวดเร็วอย่างที่กำหนดไว้แต่แรก หรือไม่สามารถทำตามในสิ่งที่ทรัมป์ต้องการได้
และแหล่งข่าวผู้ช่วยทีมการเปลี่ยนผ่านให้ข้อมูลต่อว่า เป็นเพราะ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องการให้ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต้องประทับตราความเป็นทรัมป์ในทุกความคาดหวังของรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารงานของเขาในอนาคต และอีกทั้งทรัมป์ยังได้เคยปรารถที่จะเห็นการนำกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ออกไปจากทีมงานชุดจัดตั้งรัฐบาลของเขา ซึ่งสอดคล้องกับการแถลงของโฆษกทรัมป์ เจสัน มิลเลอร์(Jason Miller)ที่ได้กล่าวว่า “ว่าที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการจะนำทีมการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจ ซึ่งจะมาพร้อมกับนโยบายและทุกสิ่งของว่าทีประธานาธิบดีสหรัฐฯ”
ทั้งนี้พบว่านอกจากคริสตีและโรเจอร์สที่ถูกปลดออกจากศูนย์กลางอำนาจทรัมป์แล้ว คนสนิทของคริสตีอีก 2 คน ริช แบกเกอร์ (Rich Bagger) และบิล พาลาตุซซี( Bill Palatucci )ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคริสตีให้ร่วมอยู่ในทีมจัดการของทรัมป์ชุดแรกถูกปลดไปพร้อมกัน