เอพี/เอเจนซีส์ - แดเนียล เปโตรเซลลี (Daniel Petrocelli) ทนายความของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำเมืองซานดิเอโกในวันเสาร์ (12 พ.ย.) เพื่อขอเลื่อนการพิจารณาคดีมหาวิทยาลัยทรัมป์ฉ้อโกงค่าเทอมนักศึกษา 35,000 ดอลลาร์ออกไป อ้างไม่มีเวลาเหตุต้องเตรียมการสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ สื่อสหรัฐฯ วิจารณ์หึ่ง เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ประกาศ ในทันทีที่ได้รับอำนาจการเป็นผู้นำสหรัฐฯ จะเริ่มต้นเนรเทศออกนอกประเทศ หรือจับกุมร่วม 3 ล้านของผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ ผิดกฎหมาย แต่ พอล ไรอัน ประธานสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่เคยประกาศจะเลิกแก้ตัวให้ ต้องออกสื่อแก้แทนอีกครั้ง “ทรัมป์ไม่ได้มีแผนการเช่นนั้น”
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ว่า คดีฉ้อโกงฉาวของมหาวิทยาลัยทรัมป์ที่ได้ปิดกิจการไปแล้ว และมีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ถึง 92% รวมไปถึงเป็นผู้ควบคุมการตัดสินใจส่วนใหญ่ของทางสถาบัน อาจจะถูกเลื่อนการไต่สวนคดีความออกไป หลังจากในวันเสาร์ (12) ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ส่งทนายความประจำตัว แดเนียล เปโตรเซลลี (Daniel Petrocelli) ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีนี้ (a motion to delay)
โดยทางฝั่งทรัมป์อ้างว่า จำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวการเข้าสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมไปถึงจัดการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจ จัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และทีมทำงานทำเนียบขาว ซึ่งล่าสุดพบว่าเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ได้แต่งตั้งให้ไรน์ซ พรีบัส (Reince Priebus) ประธานคณะกรรมการพรรครีพับลิกัน RNC เป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของตัวเอง และอีกทั้งยังอ้างว่า การมีเวลามากขึ้นจะช่วยทำให้ทั้งฝ่ายโจษย์และฝ่ายจำเลยอาจหาทางรอมชอมยุติคดีได้
โดยสื่อท้องถิ่น หนังสือพิมพ์หนังสือพิมพ์ซานดิเอโกยูเนียนทริบูนได้รายงานว่า ดูเหมือนว่าทางทนายความของทรัมป์ได้ขอเลื่อนการไต่สวนคดีออกไปจนกระทั่งหลังจากวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 ม.คไปแล้ว
“69 วันก่อนเข้ารับตำแหน่งถือมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งยวด”เปโตรเซลลีระบุในคำร้องที่ยื่นไปยังศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯเมืองซานดิเอโก โดยชี้ว่า ไม่สมควรให้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องเข้าร่วมในการไต่สวนในช่วงเวลาสำคัญ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าในวันพฤหัสบดี (10) เปโตรเซลลีได้ขึ้นกล่าวในชั้นพิจารณาคดีของศาลว่า เขาจะยื่นขอการเลื่อนพิจารณาคดีนี้ออกไป ถึงแม้ว่าผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กอนซาโล คูเรียล (Gonzalo Curiel) ซึ่งรับผิดชอบพิจารณาคดีมหาวิทยาลัยทรัมป์จะได้กล่าวกับทนายว่า เขาไม่คิดว่าจะต้องเลื่อนคดีนี้ที่มีอายุ 6 ปีออกไปอีก พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายเร่งหาข้อยุติร่วมกัน
เดอะการ์เดียนรายงานว่า คดีมหาวิทยาลัยทรัมป์ฉ้อโกงนั้นเกี่ยวข้องกับอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ถูกหลอกให้เชื่อในคำกล่าวอ้าง ที่ว่าหากได้ทำการสมัครและจ่ายค่าลงทะเบียนจำนวน 35,000 ดอลลาร์แล้ว พวกเขาและเธอจะสามารถเรียนรู้ความลับการลงทุนของทรัมป์จากบรรดาคณาจารย์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นผู้เลือกเองกับมือ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับชี้ว่า เขาได้ใช้บริการให้คนอื่นทำหน้าที่บริหารและจัดการมหาวิทยาลัยภายใต้ชื่อของเขา
นอกจากนี้ ในคำร้องที่ยื่นในวันเสาร์ (12 พ.ย.) ยังระบุต่อศาลรัฐบาลกลางเมืองซานดิเอโกต่อว่า ขอให้ทรัมป์สามารถถูกสอบปากคำผ่านการบันทึกของวิดีโอเทปก่อนชั้นไต่สวน
ทั้งนี้ ในคดีฉ้อโกงฟ้องร้องมหาวิทยาลัยทรัมป์นั้น ทางโจทก์ได้อ้างว่า ทางสถาบันการศึกษาไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ในตอนเข้าสมัครเรียน ถึงการเปิดเผยเคล็ดลับความสำเร็จด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และในคดีนี้มีกำหนดที่จะเริ่มขึ้นศาลในวันที่ 28 พ.ย.ที่จะถึงนี้
ความคืบหน้าล่าสุดด้านการเมืองของทรัมป์ พบว่า ฮัฟติงตันโพสต์ สื่อการเมืองสหรัฐฯ ออกมารายงานถึงการให้สัมภาษณ์ของทรัมป์ผ่านรายงาน “60 นาที” ทางสถานีโทรทัศน์อเมริกา CBS ในวันอาทิตย์ (13) ว่า ในทันทีที่เขาได้รับอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ ทรัมป์จะเริ่มต้นการสั่งขับ หรือดำเนินคดีจับกุมคนเข้าเมืองสหรัฐฯผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลที่มากถึง 3 ล้านคนทันที
ฮัฟติงตันโพสต์ชี้ว่า สำหรับประเด็นตัวเลขจำนวนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่มีประวัติความผิดทางอาญาแอบอาศัยอยู่ภายในอเมริกานั้น ทางทรัมป์ได้กล่าวอ้างย้ำตัวเลข 2-3 ล้านคนนี้ต่อผู้สนับสนุนจำนวนมากในแทบเกือบทุกครั้งที่มีโอกาสในช่วงเริ่มต้นการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นข้อมูลที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้ออกมาเปิดเผยว่า “เป็นตัวเลขเท็จ”
โดยสถาบันนโยบายการอพยพ ธิงแทงก์ที่ไม่ฝักฝ่ายใด ออกมาประเมินว่า จำนวนคนเข้าเมืองผิดกฏหมายที่มีประวัติทางคดีอาญาในอเมริกาน่าจะอยู่ที่ 820,000 คน เท่านั้น และตัวเลขนี้ยังรวมไปถึงคนเข้าเมืองสหรัฐฯที่ต้องได้ขึ้นชื่อว่า กระทำผิดเพราะข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายเข้าประเทศ
สื่อฮัฟติงตันโพสต์ยังชี้ต่อว่า และสำหรับแนวทางการปฎิบัติในการดำเนินคดีที่ออกมาตั้งแต่ปี 2011 ได้ชี้ว่า คนเข้าเมืองสหรัฐฯ ผิดกฎหมายที่มีการกระทำความผิดในโทษเล็กน้อยสำหรับบางกรณี สามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องถูกการเนรเทศออกนอกประเทศ
โดยในประเด็นการขับออกนอกประเทศ หรือการส่งตัวเข้าเรือนจำของผู้หลบหนีเข้าเมืองจำนวนมากถึง 3 ล้านคนตามที่ทรัมป์กล่าวต่อ CBS ฮัฟติงตันโพสต์ สื่อการเมืองสหรัฐฯ ตั้งคำถามว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ หรือเขาจะสามารถเริ่มต้นกระบวนการได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่กล่าวอ้างไว้ หากจำเป็นต้องพึ่งกำลังคนและทุกสิ่งทุกอย่างที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯมีอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการออกมายืนยันของทรัมป์ในการเนรเทศคนร่วม 3 ล้านคนออกนอกอเมริกาจะขัดแย้งกับการให้สัมภาษณ์ของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ พอล ไรอัน ในเช้าวันอาทิตย์ (13 พ.ย.)
โดยในการตอบคำถามกับสื่อ CNN จากการรายงานของดิอินดีเพนเดนต์ล่าสุด ไรอันประกาศว่า “เราไม่มีแผนที่จะจัดตั้งกองกำลังการเนรเทศขึ้น โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้วางแผนไว้เช่นนั้น”
ทั้งนี้ นิตยสารไทม์สได้รายงานถึง “กองกำลังการเนรเทศ” หรือ “deportation force” ในวันที่ 31 ส.คก่อนหน้านี้ว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในรอบไพรมารีพรรครีพับลิกัน ทรัมป์ได้กล่าวย้ำหลายรอบถึงการจัดตั้งกองกำลังการเนรเทศ ที่มีหน้าที่ชัดเจนเพื่อควบคุมการส่งตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมายสหรัฐฯ ส่งตัวออกนอกประเทศไป
ทั้งนี้ เป้าหมายของหน่วยงานนี้คือ เพื่อการส่งตัวกลุ่มบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมายที่มีความผิดทางคดีติดตัวออกนอกประเทศ แต่ทว่าสื่อไทม์สชี้ว่า ดูเหมือนทรัมป์จะประกาศชัดเจนว่า แต่เขาต้องการให้ “คนหลบหนีเข้าเมืองสหรัฐฯ ทุกคน” ถูกผลักดันออกนอกดินแดนอเมริกา
ดิอินดีเพนเดนต์ยังรายงานถึงการตอบคำถามของไรอันในประเด็นนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองกับ CNN ต่อว่า “ผมคิดว่าเราไม่ควรทำให้ทุกคนต้องวิตก หรือตื่นตระหนก นั่นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทางพวกเราต้องการ เพราะทางพรรคต้องการที่จะทำให้แนวพรมแดนสหรัฐฯ มีความมั่นคงเท่านั้น ”
ประธานสภาสหรัฐฯ ไรอันยังกล่อมต่อไปโดยกล่าวย้ำวนเวียนถึงความสำคัญการปกป้องพรมแดนสหรัฐฯว่า “พวกเรารีพับลิกันคิดกันว่า สิ่งแรกและสำคัญที่สุด คือ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ประเด็นด้านปัญหาเข้าเมืองผิดกฎหมายใดๆซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เห็นสมควรให้ทางเราต้องมีข้อมูลในรายละเอียดว่า ใครกำลังจะเดินทางเข้ามา และใครจะเดินทางออกนอกประเทศไป ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องรักษาพรมแดนสหรัฐฯ ไว้”