มึนอีกรอบ! “ทรัมป์” แบะท่ายังไม่ตัดสินใจถอนตัว “ข้อตกลงภูมิอากาศ” เล็งทาบอดีตคู่แข่ง “เบน คาร์สัน” นั่งเก้าอี้ รมต.เคหะฯ

รอยเตอร์ - มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (22 พ.ย.) ว่าตนยังคง “เปิดกว้าง” และยังไม่ตัดสินใจว่าจะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือไม่ ซึ่งนับเป็นสัญญาณรอมชอมอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ทรัมป์เคยประกาศจุดยืนไม่เชื่อถือในทฤษฎีโลกร้อน

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า ตนเชื่อว่าอาจจะมี “ความเชื่อมโยงบางประการ” ระหว่างกิจกรรมของมนุษย์กับภาวะโลกร้อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเองเคยวิจารณ์ทฤษฎีสภาพอากาศเปลี่ยนว่าเป็นแค่เรื่องลวงโลก

แหล่งข่าวในทีมงานชุดเปลี่ยนผ่านของทรัมป์บอกกับรอยเตอร์เมื่อต้นเดือนนี้ว่า มหาเศรษฐีชาวนิวยอร์กกำลังหาวิธีเร่งด่วนที่จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงภูมิอากาศปารีส ซึ่งนานาชาติได้ร่วมลงนามเมื่อปี 2015

อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามทรัมป์ว่าคิดจะถอนตัวออกจากข้อตกลงซึ่งรัฐบาลเกือบ 200 ประเทศทั่วโลกได้ร่วมลงนามจริงหรือไม่ ก็ได้คำตอบแบบกลางๆ ว่า “ผมกำลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และยังคงเปิดใจกับข้อตกลงนี้”

การถอนตัวของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ก่อมลพิษอันดับต้นๆ จะบั่นทอนความพยายามลดอุณหภูมิของโลกที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นสาเหตุการสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์หลายชนิด รวมไปถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น คลื่นความร้อน น้ำท่วม และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง

ทรัมป์ ซึ่งจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า ระบุด้วยว่า ตนกำลังคิดทบทวนเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความสามารถในการแข่งขันของอเมริกา เพื่อดูว่า “มันจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของเรามากเพียงใด”

เจ้าหน้าที่ 2 คนซึ่งให้คำปรึกษาแก่ทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ในเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่ารู้สึก “อึ้ง” เมื่อได้ยินคำพูดของว่าที่ประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ (22) ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าทรัมป์อาจจะยอมผ่อนปรนนโยบายสุดโต่งที่เคยหาเสียงเอาไว้อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อภารกิจในทำเนียบขาวใกล้เข้ามา

ทรัมป์เคยประกาศจะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโกเพื่อสกัดผู้อพยพผิดกฎหมาย แต่หลังจากคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. เขาก็ออกมาเปลี่ยนท่าทีทันควัน โดยระบุว่าพรมแดนบางจุดอาจจะมีแค่ “รั้ว” กั้นก็พอ

ขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว บรรณาธิการข่าว และพนักงานหนังสือพิมพ์ที่สำนักงานใหญ่ของไทมส์ในย่านแมนฮัตตันเมื่อวานนี้ (22) ทรัมป์ยังมีท่าทีไม่กระตือรือร้นที่จะเอา ฮิลลารี คลินตัน “เข้าคุก” อย่างที่เคยพูดไว้

“ผมไม่ต้องการทำร้ายครอบครัวคลินตัน ผมไม่ต้องการเลยจริงๆ เธอผ่านอะไรมามาก และเจ็บปวดมามากแล้วในหลายๆ เรื่อง”

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลของเขาจะเลิกตรวจสอบมูลนิธิของครอบครัวคลินตัน รวมถึงการที่เธอใช้อีเมลส่วนตัวรับ-ส่งข้อมูลขณะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาล บารัค โอบามา เทอมหนึ่งหรือไม่

ทรัมป์เคยเรียกผู้สมัครคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่า “ยายฮิลลารีจอมโกหก” และหากเขาไม่ตั้งอัยการพิเศษขึ้นมาสอบสวนคลินตันตามที่ให้สัญญาไว้ตอนหาเสียง ก็จะถือเป็นการพลิกลิ้นครั้งใหญ่

ฝ่ายอนุรักษนิยมสุดโต่งที่หนุนทรัมป์มีท่าทีโกรธแค้นต่อสิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (22) โดยเว็บไซต์ข่าว Breitbart ซึ่งเคยบริหารงานโดย สตีฟ แบนนอน ว่าที่หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ของทรัมป์ ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า “ผิดสัญญา : ทรัมป์ไม่ต้องการเอาผิดคลินตันเรื่องอีเมล” (Broken Promise: Trump 'Doesn't Wish to Pursue' Clinton email charges.)

เอฟบีไอได้สรุปผลการสอบสวนเมื่อเดือน ก.ค. ว่าพฤติกรรมของคลินตันนั้น “สะเพร่าอย่างยิ่ง” แต่ไม่มีเหตุอันควรฟ้องข้อหาอาชญากรรม

มูลนิธิคลินตัน (Clinton Foundation) ก็กำลังถูกเพ่งเล็งเรื่องเงินบริจาค แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าบุคคลหรือองค์กรต่างชาติที่บริจาคเงินเข้ามูลนิธิแห่งนี้ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะที่ฮิลลารี คลินตัน เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง

ตั้งแต่ชนะศึกเลือกตั้ง ทรัมป์ก็ได้พบปะกับบุคคลหลายคนเพื่อฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่ และล่าสุดมีข่าวว่า นพ.เบน คาร์สัน ซึ่งได้ถอนตัวจากศึกชิงผู้แทนพรรครีพับลิกันและออกมาประกาศสนับสนุนทรัมป์ ได้รับการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง (Secretary of Housing and Urban Development)

อาร์มสตรอง วิลเลียม โฆษกของคาร์สัน ระบุว่า ศัลยแพทย์วัยเกษียณได้เข้าพบทรัมป์แล้วเมื่อวานนี้ (22) และจะใช้เวลาช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าพิจารณาข้อเสนอของว่าที่ประธานาธิบดี