รอยเตอร์ - อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์กมีคำสั่งให้มูลนิธิการกุศลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ยุติการระดมทุนภายในรัฐแห่งนี้ทันที เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยหากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าเข้าข่าย “ฉ้อโกงต่อเนื่อง”
คำสั่งให้งดเว้นการกระทำ (cease-and-desist order) ครั้งนี้ถือเป็นข่าวร้ายล่าสุดสำหรับแคมเปญหาเสียงของมหาเศรษฐีปากเปราะ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ที่กำลังซวนเซหลังผ่านศึกดีเบตนัดแรกกับ ฮิลลารี คลินตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงเรื่องที่ทรัมป์ถูกสื่อดังอย่างนิวยอร์กไทมส์ออกมาแฉว่าไม่ได้จ่ายภาษีให้รัฐมาเกือบ 20 ปี
สำนักงานของ อีริค ชไนเดอร์แมน อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก แถลงว่า มูลนิธิ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ฝ่าฝืนกฎหมายของรัฐที่กำหนดให้องค์กรการกุศลที่ระดมเงินบริจาคจากภายนอกต้องลงทะเบียนกับสำนักงานมูลนิธิ (Charities Bureau) เสียก่อน
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ได้ตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ของมูลนิธิทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการนำเงินทุนไปยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่วนตัวของมหาเศรษฐีปากร้าย
“หากมูลนิธิทรัมป์ไม่ยุติการระดมทุนทันที และไม่แจ้งข้อมูลหรือรายงานตามที่ระบุไว้ในกฎหมายมาตรา 7-A ต่อสำนักงานมูลนิธิ จะถือเป็นการฉ้อโกงอย่างต่อเนื่องที่กระทำต่อประชาชนของรัฐนิวยอร์ก” จดหมายแจ้งจากสำนักงานอัยการสูงสุดลงวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งถูกนำมาโพสต์ลงเว็บไซต์ของสำนักงานเมื่อวานนี้ (2) ระบุ
ทีมงานของทรัมป์ออกมาโต้กลับในทำนองว่า การตรวจสอบของชไนเดอร์แมน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต อาจมี “การเมือง” มาเจือปน
อย่างไรก็ตาม คำสั่งให้ยุติระดมทุนครั้งนี้อาจทำให้ทรัมป์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากจะหยิบยกเรื่องมูลนิธิการกุศลของครอบครัวคลินตัน (Clinton Foundation) มาเป็นประเด็นเล่นงานอดีตรัฐมนตรีหญิง ซึ่งเป็นคู่แข่งในศึกชิงบัลลังก์ทำเนียบขาว
ทรัมป์พยายามชี้ให้สังคมเห็นว่า มูลนิธิคลินตันเป็นองค์กรที่ฮิลลารี และอดีตประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน สามีของเธอ ใช้เป็นช่องทางรับเงินจากผู้บริจาครายใหญ่ๆ โดยมีการเอื้อผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่มหาเศรษฐีเหล่านั้น
มูลนิธิคลินตันซึ่งมีทรัพย์สิน 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเจ้าหน้าที่เกือบ 500 คน แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรขนาดเล็กของทรัมป์ โดยที่ผ่านมามูลนิธิคลินตันได้จัดสรรเงินทุนช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศกำลังพัฒนาให้ได้รับยาต้านเชื้อในราคาที่ถูกลง ตลอดจนสนับสนุนโครงการขจัดโรคอ้วนในเด็กอเมริกัน และการลดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าบุคคลหรือองค์กรต่างชาติที่บริจาคเงินเข้ามูลนิธิคลินตันได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างที่คลินตันเป็นรัฐมนตรี และแม้ว่าผู้บริจาคบางรายจะมีโอกาสเข้าพบเธอ หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวง แต่คลินตันก็ยืนยันว่าเรื่องเงินบริจาคไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเธอว่าจะให้ใครเข้าพบหรือไม่
โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญกับ “สัปดาห์สุดห่วย” ที่มีข่าวร้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ศึกดีเบตรอบแรกกับคลินตันเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ซึ่งผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ยกให้คลินตันทำผลงานได้ดีกว่า และต่อมาหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ก็ได้โชว์หลักฐานทางภาษีที่ระบุว่า บริษัทของทรัมป์เคยขาดทุนเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 1995 ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เขาไม่ต้องจ่ายภาษีให้แก่รัฐมานานถึง 18 ปี
วอชิงตันโพสต์ระบุว่า การที่ทรัมป์นำเงินของมูลนิธิไปซื้อภาพวาดตัวเอง 2 ภาพ และนำไปติดไว้ที่สนามกอล์ฟส่วนตัวที่รัฐนิวยอร์กและฟลอริดา อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎของกรมสรรพากรสหรัฐฯ (US Internal Revenue Service - IRS) ซึ่งห้ามการหาประโยชน์ให้ตนเอง (self-dealing)
วอชิงตันโพสต์ยังแฉต่อไปอีกว่า ทรัมป์อาจนำเงินของมูลนิธิไปใช้ยุติข้อพิพาททางกฎหมาย โยกเงินรายได้จากบริษัทมาเข้ามูลนิธิเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และเบิกเงินจากมูลนิธิไปจ่ายให้ แพม บอนดี อัยการสูงสุดรัฐฟลอริดา ซึ่งกำลังพิจารณาตรวจสอบ “มหาวิทยาลัยทรัมป์” ฐานต้มตุ๋นผู้บริโภคด้วยแผนการตลาดเชิงรุกที่เข้มข้นเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง