รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ไมค์ เพนซ์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน กล่าวระหว่างการโต้วาทีเมื่อคืนวันอังคาร (4 ต.ค.) ประณามประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และการที่มอสโกทำการโจมตีอย่างป่าเถื่อนต่อเมืองอะเลปโปของซีเรีย ท่าทีเช่นนี้ดูเหมือนเป็นการแตกแถวอย่างโจ่งแจ้งจาก โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตตำแหน่งประธานาธิบดีในทีมเดียวกับเขา อย่างไรก็ตาม โพลหลังการดีเบตชี้ว่าเขาเป็นฝ่ายชนะ ขณะที่ ทิม เคน คู่โต้วาทีของเขาคราวนี้ซึ่งเป็นผู้สมัครตำแหน่งเดียวกันที่พรรคเดโมแครตส่งเข้าประกวด ถูกวิจารณ์ว่ากระตือรือร้นเกินไปในการไล่เบี้ยทรัมป์เรื่องภาษีทุกครั้งที่มีจังหวะ
“ผู้นำอันธพาลร่างเล็กของรัสเซียกำลังกำหนดเงื่อนไขกับอเมริกา” เพนซ์ กล่าวระหว่างการโต้วาทีคราวนี้ และเหน็บแนมนโยบายของรัฐบาลโอบามาว่า “ประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งถอนตัวจากการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ปูติน ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธเข้าสู่ซีเรีย”
การเผชิญหน้าระหว่างเพนซ์กับเคน เป็นการโต้วาทีที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวระหว่างคู่ชิงตำแหน่งรองประมุขทำเนียบขาว ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 8 พฤศจิกายน
ตลอดเวลากว่า 90 นาทีของการดีเบตซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยลองวูด ในเมืองฟาร์มวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ไม่มีใครปล่อยหมัดเด็ดน็อกคู่ต่อสู้ โดยทางฝ่ายเพนซ์พยายามฟื้นฟูความมั่นใจของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่มีต่อทรัมป์ ขณะที่เคนวนเวียนตอกย้ำจุดอ่อนของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และทำให้คลินตันดูน่าไว้ใจมากกว่า
การดีเบตครั้งนี้ยังเป็นการโหมโรงก่อนการโต้วาทีครั้งที่ 2 ระหว่าง 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นที่เซนต์หลุยส์ในวันอาทิตย์นี้ (9) ซึ่งทรัมป์จะต้องพยายามเรียกคะแนนคืน หลังพ่ายแพ้หลุดรุ่ยในดีเบตนัดแรกและส่งให้คลินตันกวาดคะแนนนิยมทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่การเลือกตั้งจะมาถึงในอีกเพียง 5 สัปดาห์เท่านั้น
การประกาศจุดยืนแข็งกร้าวต่อรัสเซียเช่นนี้ เปิดโอกาสให้เพนซ์สามารถกล่าวโจมตีว่า คลินตันตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในด้านเล่ห์เหลี่ยมแก่มอสโก จากการที่เธอพยายาม “รีเซต” ความสัมพันธ์ใหม่กับรัสเซีย ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศปี 2009-2013 ในคณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ขณะเดียวกัน การแสดงความคิดเห็นของเพนซ์ทำให้บรรดาผู้นำในรีพับลิกันปากอ้าตาค้างว่า ผู้ว่าการจากมลรัฐอินดีแอนาผู้นี้กำลังแตกแถวจากทรัมป์เกี่ยวกับท่าทีต่อรัสเซียหรือไม่ เพราะแม้ช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น ทรัมป์ประณามรัสเซียที่ระดมถล่มเมืองอะเลปโปของซีเรียหลังอเมริกาถอนตัวจากการเจรจาหยุดยิง ทว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์พร่ำพรรณนาในหลายกรรมหลายวาระว่า ปูตินเป็นผู้นำที่ดีกว่า โอบามา
กระนั้น เพนซ์ก็สามารถโกยคะแนนจากกลุ่มอนุรักษนิยมที่ไม่สนับสนุนทรัมป์ไปเต็มๆ หลังประกาศบนเวทีว่า การยั่วยุของรัสเซียต้องเจอกับความแกร่งกล้าของอเมริกา
“ถ้ารัสเซียเลือกที่จะมีส่วนร่วมในการโจมตีป่าเถื่อนต่อพลเรือนซีเรียต่อไป อเมริกาควรเตรียมพร้อมใช้กำลังทหารโจมตีเป้าหมายทางทหารของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย”
ทางด้านเคน วุฒิสมาชิกจากเวอร์จิเนีย อวดว่า คลินตันจะจัดการกับปูตินด้วยไม้แข็ง ไม่หน่อมแน้มเหมือนทรัมป์
“ทรัมป์ยกย่องปูตินครั้งแล้วครั้งเล่า และชัดเจนว่า เขาทำธุรกิจกับนักธุรกิจชั้นนำของรัสเซียที่มีสายสัมพันธ์แน่นหนากับปูติน”
เคนประกาศว่า แคนดิเดตจากรีพับลิกันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ อีกทั้งยังลบหลู่ดูหมิ่นผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย ซ้ำดูเหมือนไม่ค่อยได้จ่ายภาษีให้รัฐ
ผู้สมัครจากเดโมแครตยังพาดพิงคำเตือนของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนจากพรรครีพับลิกันที่บอกว่า คนโง่หรือคนบ้าที่มีอาวุธนิวเคลียร์อาจทำให้เกิดหายนะ
“ผมคิดว่า คนโง่หรือคนบ้าที่ว่าก็คือผู้สมัครคู่กับผู้ว่าการเพนซ์”
หนึ่งในประเด็นที่เคนโจมตีทรัมป์หนักที่สุดคือ การที่นักธุรกิจใหญ่จากนิวยอร์กผู้นี้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีเงินได้ ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ออกมาแฉเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทรัมป์ระบุยอดขาดทุน 916 ล้านดอลลาร์ในการยื่นแบบเสียภาษีปี 1995 ซึ่งอาจทำให้เขาได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้เป็นเวลานานถึง 18 ปีทีเดียว
เพนซ์พยายามปกป้องทรัมป์ โดยบอกว่าอดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ผู้นี้สร้างงานนับพันๆตำแหน่ง และใช้กฎหมายภาษีตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างหลักแหลม แต่ก็ถูกเคนตอกกลับทันควันว่า แล้วเหตุใดทรัมป์จึงอมพะนำข้อมูลไว้จนถึงป่านนี้
ผลสำรวจที่ซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซีจัดทำขึ้นทันทีหลังการดีเบต ปรากฏว่าผู้ตอบการสำรวจที่เห็นว่าเพนซ์เป็นฝ่ายชนะมี 48% ส่วนเคนได้ 42% ขณะที่ผู้วิจารณ์ทางทีวีมองว่า เคนดูเตรียมตัวและกระตือรือร้นมากไปจากการพยายามไล่ต้อนทรัมป์เรื่องภาษีเกือบทุกครั้งที่มีโอกาส