เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ออกมาแฉประวัติความหื่นกามของมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ อีกระลอกเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) โดยตีแผ่คำบอกเล่าของหญิง 2 คนที่ยืนยันว่าเคยถูกทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศ โดยคนหนึ่งอ้างว่าถูกเขา “จับของสงวน” ส่วนอีกคนเคยถูก “จูบบนริมฝีปาก”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7) นิวยอร์กไทมส์ก็ได้แฉคลิปวิดีโอเมื่อปี 2005 ซึ่งบันทึกเสียง ทรัมป์กำลังคุยโวเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศสตรี
ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน ถูกคู่แข่งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ยกคลิปฉาวมาโจมตีระหว่างศึกดีเบตครั้งที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ (9) ซึ่งเขาก็ตอบโต้ว่า “ไม่จริง ผมไม่เคยทำ” เมื่อถูกถามว่าเคยเข้าไปจูบหรือจับอวัยวะเพศผู้หญิงโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจจริงหรือไม่
ทีมหาเสียงของทรัมป์ออกมาปฏิเสธรายงานของนิวยอร์กไทมส์ โดยอ้างว่าเป็นความพยายามทำลายภาพลักษณ์
เจสสิกา ลีดส์ วัย 74 ปี ซึ่งเคยทำงานกับบริษัทกระดาษแห่งหนึ่ง เล่าว่า เธอเคยถูกทรัมป์จับของสงวนบนเที่ยวบินหนึ่งเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว ขณะนั่งอยู่คู่กันในชั้นเฟิสต์คลาส
ลีดส์ระบุว่า หลังจากเครื่องบินเทกออฟได้ประมาณ 45 นาที ทรัมป์ก็ยกที่วางแขนขึ้น และเริ่มใช้มือจับไปที่หน้าอกของเธอ และยังพยายามล้วงเข้าไปในกระโปรงด้วย
“เขาเหมือนหมึกยักษ์ไม่มีผิด... เขาใช้มือไขว่คว้าไปทั่ว”
ลีดส์อ้างว่า “เหตุโจมตี” นี้เกิดขึ้นตอนเธออายุ 38 ปี ก่อนเกิดเหตุพนักงานต้อนรับได้เชิญให้เธอไปนั่งตรงที่ว่างในชั้นเฟิสต์คลาสข้างๆ ทรัมป์ โดยที่เธอไม่รู้จักเขามาก่อน
หลังจากถูกทรัมป์ล่วงเกิน ลีดส์ก็รีบหนีกลับไปยังที่นั่งเดิมของเธอทันที
ราเชล ครุกส์ ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่สอง เล่าว่า ขณะนั้นเธออายุ 22 ปี และทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์
เช้าวันหนึ่งเธอเจอกับทรัมป์ที่หน้าลิฟต์ของอาคาร จึงเข้าไปแนะนำตัวและจับมือทักทายเขาตามปกติ ทว่ามหาเศรษฐีจอมหื่นกลับไม่ปล่อยมือ และเริ่มดึงตัวเธอเข้าไปจูบแก้ม “และจูบที่ริมฝีปากของฉันตรงๆ”
“มันเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทที่สุด” ครุกส์ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์
“ฉันโกรธมาก และคิดว่าเขาคงเห็นว่าเราไม่สลักสำคัญอะไร ถึงกล้าทำแบบนั้น”
ครุกส์เล่าต่อว่า ทรัมป์ได้ไปหาเธอที่ออฟฟิศในอีกหลายวันต่อมาเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ เมื่อเธอถามว่าจะเอาไปทำไม เขาก็บอกว่าจะส่งไปให้บริษัทโมเดลลิ่งของเขาเอง
ครุกส์บอกว่าเธอยอมให้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างทรัมป์กับบริษัท เบย์ร็อค กรุ๊ป ที่เธอทำงานอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีโมเดลลิ่งที่ไหนติดต่อมา
ตลอดระยะเวลาที่ทำงานอยู่กับเบย์ร็อค หญิงสาวพยายามหลบหน้าทรัมป์ และไม่เคยเข้าร่วมงานปาร์ตี้ขององค์กรทรัมป์ เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาอีก
ทั้งลีดส์ และครุกส์ ไม่เคยนำเรื่องที่ตนถูกล่วงละเมิดทางเพศไปแจ้งความกับตำรวจ
ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ได้ติดต่อไปยังเพื่อนๆ และญาติของหญิงทั้งสอง ซึ่งก็ยืนยันตรงกันว่าเคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อนที่ “คลิปฉาว” ของทรัมป์จะถูกเปิดโปงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเสียอีก
แคมเปญของทรัมป์ออกมาตำหนิรายงานของนิวยอร์กไทมส์ว่าเป็น “การโจมตีทางการเมือง”
“บทความทั้งหมดเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้น และการที่นิวยอร์กไทมส์จงใจร่วมมือทำลายภาพลักษณ์ของคุณทรัมป์ด้วยประเด็นเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่อันตรายมาก” เจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารของทรัมป์แถลง
“การฟื้นฝอยเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีที่แล้วมาป้ายสีคุณทรัมป์ด้วยเรื่องทางเพศเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นความตกต่ำของสื่อที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อแทรกแซงผลการเลือกตั้ง”
ทรัมป์แสดงอาการฉุนเฉียวเมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของหญิงทั้งสองคน ก่อนจะตอบว่า “ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น”
ทรัมป์ยังขู่จะฟ้องนิวยอร์กไทมส์ หากนำเรื่องราวเหล่านี้ไปตีพิมพ์