เอเจนซีส์ - คลินตันปรากฏตัวครั้งแรกหลังประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรียกร้องผู้สนับสนุนสู้ต่อเพื่ออเมริกาที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ด้านทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ยืนยันว่า ทีมผ่องถ่ายอำนาจของตนราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอย่างที่สื่อรายงาน แม้มีความกังวลกันมากขึ้นเรื่องที่ปรึกษาที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ที่หลายคนมองว่า เป็นฝ่ายขวาจัด
ในระหว่างปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันพุธ (16) หลังยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮิลลารี คลินตัน กล่าวกับผู้สนับสนุน ว่า มีคนอเมริกันจำนวนมากถามเธอว่า ชัยชนะของทรัมป์หมายความว่า อเมริกายังเป็นประเทศแบบที่พวกเขาเคยคิดหรือไม่
“แม้มีความแตกแยกร้าวลึกที่การเลือกตั้งครั้งนี้ตีแผ่ให้เห็น แต่โปรดเชื่อเถอะว่า อเมริกามีค่ามากกว่านั้น” อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กล่าวในงานของกองทุนชิลเดรนส์ ดีเฟนซ์ ฟันด์ ที่เธอเคยร่วมงานด้วยตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษากฎหมาย เธอยังเรียกร้องผู้สนับสนุนให้เชื่อมั่นในประเทศชาติ และอย่าละทิ้งค่านิยมที่มีร่วมกัน
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้ ชนะคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่แพ้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งซึ่งเป็นตัวชี้ขาด และส่งให้ทรัมป์ที่มีจุดยืนต่อต้านการลักลอบเข้าเมือง และการยอมรับผู้อพยพชาวซีเรียอย่างแข็งกร้าว ได้เข้าสู่ทำเนียบขาว
“ฉันรู้ว่าพวกคุณผิดหวังรุนแรงกับผลการเลือกตั้ง ฉันเองก็ผิดหวังมากอย่างที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ แต่อย่างที่พูดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แคมเปญของเราไม่ใช่เรื่องของคนๆ เดียว หรือการเลือกตั้งแค่ครั้งเดียว แต่เป็นเรื่องของประเทศที่เรารัก และการสร้างอเมริกาที่มีความหวัง เท่าเทียม และเอื้ออาทร”
วันเดียวกันนั้น ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ยืนยันว่า ทีมผ่องถ่ายอำนาจของตนราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอย่างที่สื่อรายงาน
ทรัมป์หมกตัวอยู่ในทรัมป์ ทาวเวอร์ ในแมนฮัตตัน และวุ่นวายกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รวมถึงบุคลากรต่างๆ อีก 4,000 ตำแหน่ง ทั้งยังต้องรับสายจากบรรดาผู้นำต่างชาติ และพบปะพูดคุยกับผู้ที่อาจได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ สมาชิกรัฐสภา และที่ปรึกษา
ทีมงานของทรัมป์พยายามลดกระแสข่าวลือว่า “โลกของทรัมป์” กำลังอลหม่านจากการลอบแทงข้างหลังของบรรดาสมาชิกรีพับลิกันที่มักใหญ่ใฝ่สูง
เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ ยอมรับว่า การฟอร์มรัฐบาลเป็นงานใหญ่ แต่ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี ซึ่งสอดคล้องกับที่ทรัมป์ทวีตยืนยันเมื่อวันอังคาร (15)
ถัดมาอีกวัน ทรัมป์ ปฏิเสธข่าวที่ว่า มีการแย่งชิงตำแหน่งสำคัญอีรุงตุงนังไปหมด ทั้งยังตำหนิรายงานข่าวของนิวยอร์ก ไทมส์ ว่า “งี่เง่า”
ขณะเดียวกัน ทีมผ่องถ่ายอำนาจของทรัมป์ เผยว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประมุข หรือผู้ทรงศักดิ์จากอย่างน้อย 29 ประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้นำอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และ ตุรกี
อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์ปฏิเสธข่าวหนักแน่น แต่มีสัญญาณชัดเจนขึ้นว่า การคัดเลือกสมาชิกคณะรัฐมนตรี และตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ กำลังวุ่นวายอย่างหนัก นอกจากนั้น ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงต่อการแต่งตั้ง สตีเฟน แบนนอน นักปลุกระดมขวาจัดที่ต่อต้านกลุ่มการเมืองเก่า ที่ทรัมป์ยกตำแหน่งหัวหน้านักยุทธศาสตร์ให้
แบนนอนที่มีบทบาทสำคัญในชัยชนะของทรัมป์ เป็นประธานกรรมการเบรตบาร์ต เว็บไซต์ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งเสริมลัทธิคนขาวสุดโต่ง (white supremacist)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครต อย่างน้อย 169 คน ลงชื่อในจดหมายเรียกร้องให้ทรัมป์ถอดแบนนอนออก โดยระบุว่า การแต่งตั้งชายผู้นี้บ่อนทำลายความสามารถของทรัมป์ในการสร้างความปรองดองภายในประเทศโดยตรง
สัญญาณที่ฟ้องปัญหาในทีมผ่องถ่ายอำนาจของทรัมป์ชัดเจนที่สุด คือ การลาออกของสมาชิก 2 คนที่สื่อระบุว่า ถูก จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยว่าที่ประธานาธิบดี กำจัด หนึ่งในนั้นคือ คริส คริสตี ผู้ว่าการนิวเจอร์ซีย์ ที่หลุดจากตำแหน่งประธานทีมผ่องถ่ายอำนาจเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (11) เนื่องจากสมัยที่คริสตีเป็นอัยการรัฐ เมื่อปี 2004 เขาเคยสั่งจำคุกพ่อของคุชเนอร์ที่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2 ปี
สื่อยังรายงานว่า ทรัมป์สืบเสาะวิธีที่จะเปิดทางให้คุชเนอร์สามารถรับรู้ข้อมูลลับสุดยอดได้ เพื่อให้ลูกเขยของตนร่วมรับฟังการรายงานสรุปประจำวันสำหรับประธานาธิบดีได้ ทว่า ทรัมป์ปฏิเสธข่าวนี้