รอยเตอร์/เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - จีน กับรัสเซีย ขยับอีกก้าวในโครงการร่วมกันลงทุนเป็นมูลค่าที่อาจจะสูงถึงระดับ 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 700,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาเครื่องบินไอพ่นลำตัวกว้างเดินทางระยะไกล รายงานข่าวหลายกระแสและคำแถลงของบริษัทระบุในวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) ขณะที่ปักกิ่งกำลังหาทางท้าทายฐานะครอบงำอุตสาหกรรมการผลิตอากาศยานเชิงพาณิชย์ของ 2 กิจการชาติตะวันตกอย่าง โบอิ้ง และ แอร์บัส
แผนการมหึมาที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักอึ้งนี้ บรรษัทอากาศยานเพื่อการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (Commercial Aircraft Corporation of China หรือ COMAC) รัฐวิสาหกิจของแดนมังกร และบรรษัทสหอากาศยาน (United Aircraft Corporation หรือUAC) ซึ่งรัฐบาลรัสเซียถือหุ้นข้างมาก อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ชื่อดังๆ อย่างเช่น ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ได้ตกลงกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตอนที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พบปะหารือกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรษัททั้งสองได้เปิดแสดงแบบจำลองของเครื่องบิน ซึ่งยังมิได้มีการตั้งชื่อนี้ในงานแอร์โชว์ ไชน่า ที่เมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของแดนมังกรเมื่อวันพุธ (2) โดยที่ประกาศด้วยว่าได้เริ่มมองหาซัปพลายเออร์ที่จะมาช่วยทำชิ้นส่วนต่างๆ ของอากาศยานรุ่นนี้แล้ว
ทางด้าน COMAC ระบุในคำแถลงว่า กิจการร่วมทุนซึ่งกำหนดจัดตั้งขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ภายในปีนี้ จะพัฒนาเครื่องบินลำตัวกว้างขนาด 280 ที่นั่ง ซึ่งสามารถบินในระยะทางไกล 12,000 กิโลเมตร
สเปกเช่นนี้เท่ากับว่า เครื่องบินชนิดนี้จะกลายเป็นคู่แข่งขันโดยตรงของ โบอิ้ง 787 และ แอร์บัส เอ350
โครงการนี้จะมีมูลค่าระหว่าง 13,000 ล้าน ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่แต่ละฝ่ายจะออกเงินทุนกันคนละครึ่ง “โกลบอลไทมส์” หนังสือพิมพ์จีนในเครือของเหรินหมินรึเป้า ที่เป็นปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์ รายงานเอาไว้ในฉบับวันพฤหัสบดี (3) โดยอ้างว่า เป็นคำพูดของ ยูรี สลูย์ซาร์ ประธานกรรมการบริหารของ UAC
“COMAC มีชื่อเสียงในเรื่องเทคโนโลยีและดีไซน์ที่โดดเด่น และเราจะไม่เพียงร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย” สลูซาร์ บอกกับโกลบอลไทมส์ ในงานแอร์โชว์ ไชน่า พร้อมกับเสริมด้วยว่า เครื่องบินที่ฝ่ายรัสเซียกับฝ่ายจีนร่วมกันพัฒนานี้ จะมีราคาถูกกว่าของคู่แข่งราว 10%
ประเด็นหลังนี้ดูจะเป็นการตอบโต้การแสดงความคิดเห็นของพวกนักวิเคราะห์ตะวันตก ที่มองว่า โครงการนี้เป็นแผนการริเริ่มซึ่งมีแรงจูงใจทางการเมือง และยากที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งหากทำได้ก็จะมีราคาต้นทุนสูงมาก
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ทางการของแต่ละบริษัท ราคาที่ระบุไว้สำหรับเครื่องบิน แอร์บัส เอ350 ขนาด 280 ที่นั่ง คือ ลำละ 272.4 ล้านดอลลาร์ ส่วน โบอิ้ง 787 ขนาด 290 ที่นั่ง ราคาลำละ 264.6 ล้านดอลลาร์
ขณะที่คำแถลงของ COMAC ระบุว่า เครื่องบินร่วมพัฒนานี้จะสามารถออกบินเที่ยวแรกได้ในระยะเวลา 7 ปี และเริ่มต้นส่งมอบแก่ผู้สั่งซื้อได้ในอีก 3 ปีถัดจากนั้น
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพี ระบุว่า การพัฒนาเครื่องบินเชิงพาณิชย์นั้น คือ ความท้าทายทางด้านเทคโนโลยีระดับก้าวหน้า และเท่าที่ผ่านมาโครงการด้านการบินและอวกาศของจีน ก็ประสบปัญหาล่าช้ากว่ากำหนดเป็นเวลานานอยู่เรื่อย
คำแถลงของ COMAC กล่าวว่า โครงการนี้จะเปิดกว้างและมุ่งคัดเลือกซัปพลายเออร์จากทั่วโลกซึ่งมีความยินดีที่จะ “แบกรับความเสี่ยงร่วมกัน”
ปัจจุบันปักกิ่งกำลังมองหาทางสร้างอุตสาหกรรมการบินและอวกาศภายในประเทศของตนขึ้นมา โดยที่เป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมซึ่งได้รับการตอกย้ำเอาไว้ในแผนการ “เมดอินไชน่า 2025” ของจีน
เป็นที่คาดหมายกันว่าแดนมังกรจะกลายเป็นตลาดการบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในเวลาอีกไม่นาน จากการที่มีผู้เดินทางโดยทางอากาศพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แอร์บัสประมาณการเอาไว้ว่า ภายในช่วง 20 ปีข้างหน้า จีนจะมีความต้องการเครื่องบินใหม่ๆ เกือบ 6,000 ลำ คิดเป็นมูลค่าราว 945,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การคาดการณ์ของโบอิ้งสูงกว่านี้อีก นั่นคือ ให้ตัวเลขสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากโครงการร่วมกับฝ่ายรัสเซียนี้แล้ว COMAC ยังกำลังพัฒนาเครื่องบินไอพ่นเชิงพาณิชย์แบบลำตัวแคบ 1 ช่องทางเดินของตนเอง ซึ่งก็คือ โครงการ ซี919 ถึงแม้การพัฒนา ซี919 ล่าช้ากว่ากำหนด และเพิ่งนำออกมาอวดโฉมกันได้ในปีที่แล้ว อีกทั้งยังไม่ได้เริ่มบินเที่ยวแรกเลยด้วยซ้ำ ทว่า COMAC ระบุว่าได้รับใบสั่งซื้อแล้วเป็นจำนวน 570 ลำจากลูกค้า 23 ราย
COMAC ยังมีเครื่องบินไอพ่นขนาดเล็กลงมาอีกแบบหนึ่ง นั่นคือ เออาร์เจ21 ขนาด 90 ที่นั่ง ซึ่งออกบินในเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากต้องเลื่อนออกไปหลายครั้งจนล่าช้ากว่ากำหนดอยู่หลายปี