รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - จีนเผยโฉมเครื่องบินขับไล่ เฉิงตู เจ-20 ที่ใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (1 พ.ย.) ขณะเปิดงานแอร์โชว์ที่เมืองจูไห่ ซึ่งเป็นแหล่งนัดพบระหว่างผู้ผลิตกับผู้จำหน่ายอากาศยานรายการใหญ่ที่สุดของแดนมังกร พร้อมๆ กับเป็นหน้าต่างแห่งการอวดโอ่แสนยานุภาพทางทหาร
งาน “แอร์โชว์ ไชน่า” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปีที่เมืองจูไห่ มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางภาคใต้ของแดนมังกร กลายเป็นโอกาสสำหรับปักกิ่งที่จะสาธิตให้เห็นถึงความมุ่งมาดปรารถนาทางการบินและอวกาศของตนทั้งในด้านพลเรือนและทางการทหาร โดยที่คาดหมายกันว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นตลาดการเงินสำคัญที่สุดของโลกภายในช่วงทศวรรษหน้า
สำหรับการเปิดงานประจำปีนี้ในวันอังคาร (1) จุดเด่นที่กลายเป็นข่าวพาดหัว ได้แก่เครื่องบินขับไล่ เจ-20 จำนวน 2 ลำที่บินผ่านเหนือแขกรับเชิญผู้ทรงเกียรติ และผู้เฝ้าชมจำนวนหลายร้อยตลอดจนพวกผู้บริหารในแวดวงอุตสาหกรรมนี้ โดยใช้เวลาเกิน 1 นาทีไปนิดเดียว และก่อให้เกิดเสียงคำรามเลื่อนลั่นแสบแก้วหู ทว่าปฏิกิริยาตอบรับจากผู้คนด้านล่างจำนวนมากคือการอ้าปากค้างและเสียงปรบมือ ตลอดจนทำให้เครื่องกันขโมยของรถหลายคันในลานจอดบริเวณนั้นดังเตือนขึ้นมา
พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จีนกำลังปรับปรุงรายละเอียดความประณีตในดีไซน์ของ เจ-20 ให้ลงตัวเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถูกพบเห็นจากพวกนักติดตามดูเครื่องบินเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2010 ด้วยความหวังที่จะลดช่วงห่างด้านเทคโนโลยีทางทหารซึ่งยังตามหลังสหรัฐฯ อยู่ โดยที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นั้นมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพ ขณะเดียวกับที่แดนมังกรก็แสดงจุดยืนที่ยืนกรานแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
“มันชัดเจนมากว่ายังต้องก้าวขึ้นไปอีกก้าวใหญ่ทีเดียวในเรื่องสมรรถนะด้านการสู้รบของจีน” แบรดลีย์ เพอร์เรตต์ แห่งเอวิเอชัน วีก และเป็นนักจับจ้องเฝ้ามองจีนมากประสบการณ์ กล่าวให้ความเห็น
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองต่อเนื่องกันแล้วที่จีนนำเอาเครื่องบินไอพ่นใช้เทคโนโลยี “สเตลธ์” หรือล่องหนหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ มาออกแสดงที่งานแอร์โชว์ จูไห่ หลังจากที่เมื่อปี 2014 ได้เคยนำเอารุ่น เจ-31 มาเปิดตัว
คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
ภายหลังเครื่องบินขับไล่ เจ-20 ทั้ง 2 ลำแล่นเข้ามาในระยะต่ำ ลำหนึ่งก็ได้บินหายไปเหนือขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกลำหนึ่งแสดงการหมุนตัวต่างๆ ต่อเนื่องเป็นชุด ขณะที่เผยให้เห็นปีกรูปสามเหลี่ยมของตัวเองสะท้อนแสงเหนือกลุ่มเมฆของท้องฟ้าอันสดใส
แต่พวกผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแสดงการบินตามแบบแผนอย่างค่อนข้างระมัดระวังและเป็นเวลาสั้นมากของ เจ-20 คราวนี้ (โดยที่นักบินไม่ได้เปิดช่องบรรจุอาวุธ หรือบินผ่านด้วยความเร็วต่ำเลย) ก็แทบไม่ได้ตอบคำถามที่สงสัยกันอยู่อะไรนัก
“ผมคิดว่าเราเรียนรู้อะไรน้อยมากๆ เราเรียนรู้ว่ามันเสียงดังมาก แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าใช้เครื่องยนต์ประเภทไหน หรือรู้อะไรมากเกี่ยวกับความคล่องแคล่วของมัน” เกร็ก วอลดรอน บรรณาธิการบริหารภาคเอเชียของ ไฟลต์โกลบอล กล่าว “ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับสมรรถนะในการเจาะทะลวงเรดาร์ของมัน”
ทั้งนี้ คำถามสำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือ เครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ของจีนนี้สามารถแข่งขันเรื่องคุณสมบัติของการหลบหลีกเรดาร์ได้แค่ไหน กับ เอฟ-22 แรปเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินอเมริกันสำหรับทำการสู้รบกลางเวหาที่ผลิตโดยล็อกฮีด มาร์ติน หรือกับ เอฟ-35 เครื่องบินโจมตีรุ่นล่าสุดในคลังแสงของสหรัฐฯ ซึ่งผลิตโดยล็อกฮีดเช่นกัน ทั้งนี้ เห็นกันว่าเอฟ-22 แรปเตอร์ ที่พัฒนาให้แก่กองทัพอากาศสหรัฐฯ เป็นอากาศยานที่ดูคล้ายคลึงกับ เจ-20 มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คนอื่นๆ บอกว่าแม้กระทั่งการนำเอาเครื่องบินวิจัยพัฒนามาใหม่ๆ เช่นนี้มาอวดโชว์ ก็เป็นการส่งสัญญาณที่น่าสนใจแล้ว
“มันถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องยุทธวิธีสำหรับจีนทีเดียว ในการอวดอาวุธซึ่งยังไม่ได้นำเข้าใช้ในฝูงบินอย่างเต็มที่ออกมาแสดงต่อสาธารณะเช่นนี้” แซม ร็อกเกวีน นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันโลวี่ อินสติติวท์ ในนครซิดนีย์, ออสเตรเลีย กล่าว “และเป็นการสาธิตให้เห็นว่าจีนมีความเชื่อมั่นมากในสมรรถนะของมัน รวมทั้งมีความภาคภูมิใจมากด้วย”
เวลานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เจ-20 ยังจะออกมาอวดโฉมอะไรอีกหรือไม่ในงานแอร์โชว์ จูไห่ ปีนี้ หลังจากการบินผ่านอวดโฉมคราวนี้
สำหรับเครื่องบินที่จีนระบุว่าจะนำมาแสดงในงานนี้ เคียงข้างระบบอาวุธ, ระบบเรดาร์, และโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) รุ่นล่าสุดของแดนมังกร ได้แก่ เครื่องบินขนส่งยุทธศาสตร์รุ่น ซีอาน วาย-20 และอากาศยานที่ผู้จัดงานเรียกว่าเป็นเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งมีการผลิตกันอยู่ในเวลานี้ อันได้แก่ เอจี600
อากาศยานซึ่งเป็นเสมือนเรือที่บินได้ลำนี้ ทางการจีนโปรโมตว่าเป็นเครื่องบินผจญเพลิงหรือเครื่องบินค้นหาและกู้ภัย ทว่าพวกนักวิเคราะห์ชี้ว่า เอจี600 มีความเหมาะสมมากในการส่งกำลังบำรุงให้แก่ที่ตั้งทางทหารต่างๆ ของจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ซึ่งแดนมังกรพิพาทช่วงชิงอยู่กับหลายประเทศ
แต่ที่หายหน้าไปอย่างน่าสังเกตจากกำหนดการในงานแอร์โชว์คราวนี้ ได้แก่ เครื่องบินโดยสารไอพ่นขนาด 150 ที่นั่ง COMAC ซี 919 เครื่องบินโดยสารของจีนรุ่นนี้มุ่งออกแบบมาแข่งขันกับกลุ่มแอร์บัสของยุโรป และบริษัทโบอิ้งของสหรัฐฯ ทว่าประสบปัญหาจนกระทั่งล่าช้ากว่าแผนการเดิมที่วางเอาไว้ 3 ปีแล้ว
COMAC แถลงในงานนี้ว่า สายการบินไชน่า อิสเทิร์น แอร์ไลนส์ จะเป็นเจ้าแรกที่เปิดตัวนำเอา ซี919 ออกบริการรับส่งผู้โดยสาร โดยที่เที่ยวบินทดสอบเที่ยวแรกจะมีขึ้นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า รวมทั้งคุยด้วยว่าได้รับออเดอร์ใหม่อีก 23 ลำ ทำให้รวมทั้งสิ้นเวลานี้ได้รับใบสั่งซื้อ ซี919 แล้ว 570 ลำ