รอยเตอร์ - กลุ่มพันธมิตรต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่นำโดยสหรัฐฯ ไม่มีความระมัดระวังมากพอในการหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนในซีเรียและประเมินผลกระทบของปฏิบัติการต่อพลเรือนต่ำเกินไป แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล (Amnesty International) ระบุเมื่อวานนี้ (25 ต.ค.)
“มันสายเกินไปที่ทางการสหรัฐฯ จะยอมรับผิดเกี่ยวกับขอบเขตของความเสียหายที่แท้จริงต่อพลเรือนที่เกิดจากการโจมตีของกลุ่มพันธมิตรในซีเรีย” ลินน์ มาลูฟ รองผู้อำนวยการด้านการวิจัยที่สำนักงานประจำเบรุตของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวในถ้อยแถลง
“เรากลัวว่ากลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังประเมินความเสียหายที่เกิดกับพลเรือนในปฏิบัติการของพวกเขาในซีเรียต่ำเกินไป” มาลูฟ กล่าวเสริม
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนลระบุว่า พลเรือนมากถึง 300 คนถูกสังหารในการโจมตี 11 ครั้งของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2014
“การวิเคราะห์หลักฐานที่มีอยู่บ่งชี้ว่าในแต่ละกรณีเหล่านี้ กองกำลังกลุ่มพันธมิตรล้มเหลวในการระมัดระวังอย่างเหมาะสมเพื่อลดความเสียหายต่อพลเรือนและวัตถุของพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด” มาลูฟ กล่าว
“บางส่วนของการโจมตีเหล่านี้อาจถือว่าเป็นการโจมตีที่ไม่สมส่วนหรือการโจมตีแบบไม่เลือกหน้า” เธอกล่าว
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นในทันทีกล่าวว่า พวกเขาใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพื่อความลดความเสียหายต่อพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด
เมื่อเดือนกรกฎาคม เพนตากอนเปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศต่อเป้ามหายกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรียคร่าชีวิตพลเรือน 14 รายระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคมปีที่แล้วถึง 29 เมษายนปีนี้
ในอดีตกองทัพสหรัฐฯ เคยเปิดเผยยอดการเสียชีวิตของพลเรือนในการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรียมาแล้ว และการเปิดเผยเหล่านี้มีขึ้นภายหลังการสืบสวนนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายงานการเสียชีวิตของพลเรือน