รมต.กลาโหมสิงคโปร์ชี้! ภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงต่อ "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" กำลังเพิ่มขึ้น

รอยเตอร์ - ภัยคุกคามที่กลุ่มหัวรุนแรงมีต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปีในขณะที่พวกเขาเริ่มมีระบบระเบียบและให้ความสนใจกับเป้าหมายของพวกเขามากยิ่งขึ้น เอิง เอ็ง เฮ็น รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ กล่าวในเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.)

เอิงพูดกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมของเหล่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับ แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในฮาวายซึ่งพวกเขาอุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้กับการหารือเรื่องภัยคุกคามจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มลักษณะเดียวกันนี้

ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 1,000 คนแห่กันไปเข้าร่วมอาณาจักร “คอลิฟะห์” ที่สถาปนาโดยกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย เอิง กล่าว

“สถานการณ์และภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีที่เราพบกัน” เอิงกล่าว “เทียบกับหนึ่งปีหรือสองปีที่แล้ว พวกเขามีระบบระเบียบมากขึ้น พวกเขาเชื่อมโยงกันมากขึ้น พวกเขามีความชัดเจนในเป้าหมายที่ต้องการบรรลุมากขึ้น”

เมื่อเดือนมิถุนายนเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเผยว่า กลุ่มติดอาวุธในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งอ้างว่ากำลังต่อสู่เพื่อกลุ่มไอเอสระบุว่า พวกเขาเลือกหนึ่งในชายที่เป็นที่ต้องการตัวที่สุดในฟิลิปปินส์ให้เป็นผู้นำกลุ่มในภูมิภาคนี้

หน่วยงานรัฐในภูมิภาคนี้มีความตื่นตัวมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่กลุ่มไอเอสอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียเมื่อเดือนมกราคมที่คร่าชีวิตคนไป 8 คนรวมถึงคนร้าย 4 คน

เอิงพูดถึงแผนการเมื่อไม่นานมานี้ของเครือข่ายหนึ่งในแดนอิเหนาที่ได้รับประสานงานจากสมาชิกคนหนึ่งของไอเอสในซีเรียที่จะบุกโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตมารินาเบย์ของสิงคโปร์ แผนการดังกล่าวถูกขัดขวางโดยทางการอินโดนีเซีย เขากล่าว

“พวกเขาเป็นมากกว่าเครือข่ายเพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินและอาวุธแล้ว พวกเขากำลังวางแผน” เอิง กล่าว

เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่า พลเมืองหลายร้อยคนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดหลังจากเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย ก่อให้เกิดความกังวลว่าพวกเขาอาจพยายามที่จะก่อเหตุโจมตี

เอิงกล่าวว่า เหล่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อว่า หากกลุ่มไอเอสถูกทำลายในที่มั่นของพวกเขาในอิระกและซีเรีย นั่นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิภาคนี้ในระยะสั้น เนื่องจากนักรบไอเอสที่มีประสบการณ์อาจจะกลับมายังประเทศบ้านเกิด สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อขับไล่กลุ่มไอเอสออกจากอิรัก และซีเรีย