เอเอฟพี - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ “แอชตัน คาร์เตอร์” ได้เดินทางไปถึงกรุงแบกแดดในวันจันทร์ (11 ก.ค.) เพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ของอิรัก เรื่องการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และแผนชิงเมืองโมซุลกลับคืนมาจากพวกญิฮัดหัวรุนแรงกลุ่มนี้
การไปเยือนโดยที่ไม่ได้ประกาศล่วงหน้าของคาร์เตอร์ครั้งนี้ ถือเป็นการไปอิรักครั้งที่ 4 ของเขา นับตั้งแต่เริ่มงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 โดยก่อนหน้านี้เพียงแค่ 2 วัน กองทัพอิรักเพิ่งจะยึดฐานทัพอากาศทางใต้ของโมซุลเอาไว้ได้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการต่อสู้เพื่อชิงเมืองใหญ่อันดับ 2 แห่งนี้ที่ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของไอเอสมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014
เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ไอเอสได้เข้าครอบครองดินแดนเป็นบริเวณกว้างในอิรัก เช่นเดียวกับในประเทศเพื่อนบ้านอย่างซีเรีย
คาร์เตอร์นั้นต้องการจะเน้นย้ำถึงความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าพวกญิฮัดจะตอบโต้กลับด้วยการโจมตีอย่างหนักทั้งในอิรักและต่างแดน
“สิ่งที่ผมจะคุยกับนายกรัฐมนตรีอาบาดีและบรรดาผู้บังคับบัญชาของเรา ก็คือสิ่งที่เราจะทำเป็นลำดับถัดไปในปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเกี่ยวกับการถล่มและยึดครองโมซุล” คาร์เตอร์ บอกกับนักข่าวบนเครื่องบินของกองทัพก่อนไปถึงแบกแดด
เขาบอกว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการชิงดินแดนทั้งหมดของอิรักกลับคืนม โดยใช้กองกำลังความมั่นคงของอิรักเอง แน่นอนว่าโมซุลคือส่วนที่ใหญ่สุดของเป้าหมายดังกล่าว
ฐานทัพอากาศกอยยาเราะห์ซึ่งอาบาดีได้ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าสามารถยึดมาได้นั้น ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโมซุลลงไปทางใต้ราว 60 กิโลเมตร และสามารถใช้เป็นฐานยิงจรวดสำหรับปฏิบัติการชิงเมืองโมซุลในอนาคต
บรรดาเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า “แผนการเล่นทั้ง 10” ของปฏิบัติการทางทหารนั้นประสบความสำเร็จทั้งหมด สำหรับปฏิบัติการต่อต้านไอเอสในอิรักและซีเรียที่นำโดยสหรัฐฯ
ขั้นตอนเหล่านั้นได้รวมถึงการชิงหลายเมืองสำคัญใน 2 ประเทศกลับคืนมา อาทิ เมืองรามาดีในอิรัก กับเมืองอัล-ชาดาดี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกพิจารณาว่าเป็นที่มั่นทางยุทธศาสตร์ของไอเอส
คาร์เตอร์ และประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยถูกวิจารณ์ถึงความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้ซึ่งเริ่มตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของปี 2014 แล้วก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะในดินแดนสงครามอย่างซีเรีย ที่อเมริกามีกำลังคนอยู่ประปรายในภาคสนาม คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย