xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งออกโรงเตือนวอชิงตัน หลังแอบส่ง “เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนิวเดลี” ไปเขตพิพาทจีน-อินเดีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - ปักกิ่งเตือนวอชิงตันเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) หลังจากทางสหรัฐฯ ได้ส่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงนิวเดลีเดินทางไปเยือนเขตพิพาทระหว่างจีนและอินเดีย โดยปักกิ่งระบุว่า การก้าวเข้ามาของมือที่ 3 จะทำให้สถานการณ์ละเอียดอ่อนระหว่างทั้งสองชาติยุ่งยากมากขึ้น

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) ว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอินเดีย ริชาร์ด เวมา (Richard Verma) ได้โพสต์ภาพการเดินทางของเขาบนแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ในวันที่ 21 ตุลาคมล่าสุด ในการไปเยือนรัฐอรุณาจัลประเทศ (Arunachal Pradesh) ทางตะวันออกไกลของอินเดีย ในข้อความ เวมายังได้กล่าวขอบคุณไปถึงเจ้าหน้าที่อินเดียที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับกล่าวต่อถึงดินแดนแห่งนี้ว่า “เป็นดินแดนที่น่ามหัศจรรย์”

รอยเตอร์รายงานว่า ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศเรียกร้องอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนไม่ต่ำกว่า 90,000 ตารางกิโลเมตร ที่ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของอินเดียและพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐอรุณาจัลประเทศ แต่จีนเรียกดินแดนนี้ว่า “ทิเบตใต้”

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ลู กัง(Lu Kang) ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า จีนต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรงต่อการกระทำของเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ที่ทางกระทรวงต่างประเทศจีนอ้างว่า จะเป็นการทำลายความสงบและสันติภาพที่ยากยิ่งในพื้นที่พรมแดนจีนและอินเดีย

“ใครก็ตามที่เป็นฝ่ายที่ 3 ควรที่จะเคารพในความพยายามของจีนและอินเดียในการหาความสงบและข้อยุติที่แน่นอน และไม่ใช่ในทางตรงข้าม” ลูกล่าวในการแถลงประจำวัน

และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “ทางเราขอให้สหรัฐฯหยุดแทรกแซงในดินแดนพิพาทระหว่างจีนและอินเดีย และลงมือทำมากกว่านี้ในการทำให้ภูมิภาคมีสันติภาพและความสงบเกิดขึ้น” และลูยังย้ำว่า ที่ผ่านมาจีนและอินเดียอยู่ในระหว่างการหาทางออกร่วมกันผ่านการเจรจาทางการทูต

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงกิจการภายนอกอินเดีย (Ministry of External Affairs) ได้อธิบายการเดินทางไปเยือนเขตแดนพิพาทของเวอร์มานั้น “ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแปลก”

“เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนรัฐอรุณาจัลประเทศ ซึ่งเป็นรัฐทึ่ถือเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย และทางเอกอัครราชทูตสหรัฐฯยอมรับอย่างเป็นทางการ” วิคาส สวาร์อัพ (Vikas Swarup) โฆษกกระทรวงกิจการภายนอกอินเดีย กล่าวตอบโต้ปักกิ่ง

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานว่า ยังไม่มีการแสดงความเห็นออกมาจากสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงนิวเดลี

จีนและอินเดียที่ต่างเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียมีข้อพิพาททางดินแดนร่วมกันในพรมแดนติดต่อของทั้งสองประเทศระยะทาง 3,500 กม. และนำไปสู่สงครามในปี 1962 และทำให้ทั้งสองชาติเข้าควบคุมเขตพิพาทดังกล่าว ที่ถึงแม้ว่าในเวลาต่อว่าจะมีการหาทางออกร่วมกันผ่านการเจรจาทางการทูต แต่ไม่มีความคืบหน้า

ทั้งนี้ นิวเดลีได้กล่าวหาปักกิ่งทำการยึดครองดินแดนราว 38,000 ตารางกิโลเมตรที่อยู่ใน (Aksai Chin plateau) ทางตะวันตกของอินเดีย รวมไปถึงกล่าวหาจีนว่าแอบให้ความช่วยเหลือ ปากีสถาน ประเทศที่เป็นอริ และพบว่าเกิดเหตุความตึงเครียดขึ้นเสมอในพื้นที่ โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม ปักกิ่งไม่พอใจอย่างมากต่อแผนการติดตั้งระบบขีปนาวุธที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในพื้นที่ขัดแย้ง
ภาพจากเฟซบุ๊กของสถานทูตสหรัฐฯประจำอินเดีย
ภาพจากเฟซบุ๊กของสถานทูตสหรัฐฯประจำอินเดีย
ภาพจากเฟซบุ๊กของสถานทูตสหรัฐฯประจำอินเดีย

กำลังโหลดความคิดเห็น