เอเจนซีส์ / MGR online - ทำเนียบขาว และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ประณามอย่างแข็งขัน ต่อการที่รัฐบาลอิสราเอลเห็นชอบแผนการตั้งถิ่นฐานใหม่เพิ่มเติมของชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์
คำแถลงของทั้งทางทำเนียบขาว และกระทรวงต่างประเทศเมืองลุงแซม ระบุว่า แผนการสร้างบ้านใหม่มากถึง 300 หลัง รวมถึงการสร้างเขตนิคมอุตสาหกรรมของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ เท่ากับเป็นการทำลายความหวัง ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยแนวทาง “สองรัฐ” ระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ ให้ริบหรี่ลงยิ่งกว่าเดิม
รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า ทางกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอล ได้ออกคำแถลงด่วนที่มีเนื้อหาระบุว่า จำนวนของบ้านที่จะถูกสร้างขึ้นใหม่นั้น เพิ่งได้รับความเห็นชอบให้เดินหน้าได้เพียงไม่ถึง 100 หลัง และย้ำว่า บ้านสร้างใหม่สำหรับชาวยิวทั้งหมดจะถูกสร้างในพื้นที่เดิมที่มีชาวยิวตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว มิใช่เป็นการบุกเบิกพื้นที่แห่งใหม่แต่อย่างใด
ด้าน ซอเอ็บ เอเรกัต เลขาธิการใหญ่ขององค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Palestine Liberation Organisation : PLO) ออกมากล่าวชื่นชมทางการสหรัฐฯ ที่ออกโรงประณามอิสราเอลในครั้งนี้ และเรียกร้องให้อเมริกาเร่งลงโทษอิสราเอลอย่างจริงจัง
นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 เป็นต้นมา รัฐบาลอิสราเอลได้เดินหน้าก่อสร้างนิคมตั้งถิ่นฐานของชาวยิวมากกว่า 100 แห่ง ทั้งในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ และพื้นที่เยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งกลายเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวยิวจำนวนกว่า 570,000 ชีวิต
ก่อนหน้านี้ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และทางการปาเลสไตน์ ร่วมออกโรงประณามอย่างรุนแรงเมื่อ 25 ก.ค. ต่อแผนการของรัฐบาลอิสราเอลในการเดินหน้าก่อสร้างที่พักอาศัยจำนวนอย่างน้อย 800 ยูนิต ให้แก่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวยิวในเขตพิพาทเยรูซาเลมตะวันออก-อัล กุดส์
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีสายแข็งอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู เตรียมเดินหน้าสร้างที่พักอาศัยระหว่าง 800 - 1,200 ยูนิต ให้แก่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวยิวในเขตพื้นที่ตอนใต้ ของดินแดนพิพาทเยรูซาเลมตะวันออก-อัล กุดส์ ซึ่งทางการปาเลสไตน์อ้างกรรมสิทธิ์มาโดยตลอดว่า พื้นที่นี้เป็นดินแดนในอธิปไตยของตน
แผนการขยายนิคมตั้งถิ่นฐานของชาวยิวเพิ่มเติม ในเยรูซาเลมตะวันออก-อัล กุดส์นี้ ถูกระบุว่า ถูกริเริ่มโดยรัฐบาลอิสราเอลมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน
ด้าน นิก มลาเดนอฟ ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ด้านกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง เคยประณามความเคลื่อนไหวของอิสราเอล โดยระบุว่า การเดินหน้าขยายพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในดินแดนของปาเลสไตน์เป็นสิ่งที่มิอาจยอมรับได้
ก่อนหน้านี้ บัน กี-มูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ออกโรงในวันที่ 4 ก.ค. กล่าวประณามการตัดสินใจของรัฐบาลอิสราเอล ในการขยายการก่อสร้างนิคมตั้งถิ่น ฐานของชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์และกรุงเยรูซาเลมเพิ่มเติม
สเตฟาน ดูยาร์ริช โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยว่า บันซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้รู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ตัดสินใจประกาศขยายพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวยิวดังกล่าวเพิ่มเติมอีก
“การตัดสินใจนี้จะก่อให้เกิดคำถามตามมามากมาย เกี่ยวกับความจริงใจของฝ่ายอิสราเอลในระยะยาวในการสร้างสันติภาพที่แท้จริงในตะวันออกกลาง ที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งถูกสั่นคลอนจากถ้อยแถลงของบรรดารัฐมนตรี ในรัฐบาลอิสราเอลบางราย ที่เรียกร้องให้มีการใช้กำลังทหารผนวกเขตเวสต์แบงก์ เข้ากับอิสราเอล” โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเสริม
ดูยาร์ริช ยังระบุด้วยว่า เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เน้นย้ำว่า การกระทำของรัฐบาลอิสราเอลในการขยายการก่อสร้างนิคมตั้งถิ่นฐานของชาวยิว ในเขตเวสต์แบงก์ และกรุงเยรูซาเลม เพิ่มเติมนั้น ถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง และขอให้อิสราเอลยุติการดำเนินการในเรื่องนี้ทันทีเพื่อปกป้องสันติภาพอันเปราะบาง
ความเคลื่อนไหวของบัน มีขึ้นภายหลังจากที่รัฐบาลอิสราเอลเห็นชอบอนุมัติแผนสร้างบ้านเรือนของชาวยิวเพิ่มเติมอีกราว 560 หลังที่นิคม มาอาเล อดูมิมในเขตเวสต์แบงก์ เช่นเดียวกับการสร้างบ้านใหม่อีก 240 หลัง สำหรับชาวยิวในเยรูซาเลมตะวันออก
ขณะที่สื่ออิสราเอลหลายสำนักรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ยังมีแผนเดินหน้าสร้างบ้านเพิ่มอีก 600 หลังคาเรือน สำหรับชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับที่เขตเบอิต ซาฟาฟา ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนของปาเลสไตน์ในกรุงเยรูซาเลม
