xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 16 กันยายน 2559

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ผมขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาของไทย รวมถึงทีมงานทุกคนนะครับ ในการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก 2016 ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่ล่าสุดประสบความสำเร็จ 4 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง นับว่าเหนือความคาดหมายที่ตั้งเป้าไว้ เราจะได้อย่างน้อย 4 เหรียญทอง ประเทศไทยได้ส่งตัวแทนนักกีฬา ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสำหรับผู้พิการครั้งนี้ ทั้งหมด 46 คน เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา 10 ชนิดกีฬา จากทั้งหมด 23 ชนิดกีฬา ผมเคยจำได้ว่าในกาฟรพบปะพูดคุยกับคณะนักกีฬา คนพิการทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผมทราบว่าแต่ละคนได้ฝึกซ้อม เตรียมความพร้อม กันอย่างเต็มกำลังความสามารถ ต่างมุ่งมั่นที่จะนำความสุขกลับมาฝาก เป็นของขวัญให้กับคนไทยทุกคน แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ยากเกินไป ผมขอเป็นกำลังใจ กับนักกีฬาทุกคนที่กำลังอยู่ในระหว่างการแข่งขัน ครั้งนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับบางคน ก็ขอให้ สั่งสมประสบการณ์ให้เข้มแข็ง เพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า ก็เช่นเดียวกับการเดินหน้าประเทศ ถึงแม้ว่าเราจะผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความวยากลำบาก เราก็จะบรรลุเป้าหมายในที่สุด หากได้รับการพัฒนาอย่างมีระเบียบแบบแผน มียุทธศาสตร์ และผมก็หวังว่านักกีฬารุ่นพี่รุ่นน้อง จะมีการแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดประสบการณ์ ที่เป็นแนวทางประชารัฐ ที่รัฐบาลพยามจะสร้างความเชื่อมโยง ห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศให้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ดูแลคนพิการ ให้เป็นไปทางที่ดีขึ้นหลายๆ ด้านโดยเฉพาะสิทธิคนพิการ เพื่อให้มีส่วนร่วม ในสังคมเพิ่มมากขึ้น สามารถดำรงชีวิตประจำวันในสังคมได้อย่างเท่าเทียมและมีความสุข เป็นบุคลากรที่มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นกำลังส่วนหนึ่ง เพื่อช่วยพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

การบูรณาการหน่วยงาน ร่วมพัฒนาพื้นที่ ส.ป.ก. ที่ยึดคืนจากการที่ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อจัดสรรให้เกษตรกรได้มีที่ดินทำกิน จากผลการปฏิบัติการภายใต้คำสั่งของ คสช. ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมานั้น รัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก. ที่ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อมาทำการปรับปรุง พัฒนาที่ดิน ก่อนที่จะทำการจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกร ต่อไป ปัจจุบันอยู่ระหส่างการยึดและรื้อถอน โดยสามารถยึดได้ทันที 28 แปลง เนื้อที่ เกือบ 28,000 ไร่ ในเกือบ 6 จังหวัด โดยไม่มีผู้คัดค้าน

สำหรับการปรับปรุงพัฒนาที่ดินนั้น เราจะต้องดำเนินการแบบบูรณาการหลายหน่วยงาน ดังนี้นะครับ กรมพัฒนาที่ดินปรับปรุงดินให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นกับการเกษตรกรรม กรมชลประทานพัฒนาแหล่งน้ำฝายต้นน้ำ ระบบกระจายน้ำ กรมปศุสัตว์ส่งเสริมการเลี้ยงแพะ ซึ่งมีความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและการส่งออกปีละมากกว่า 2 แสนตัว กรมส่งเสริมการเกษตร ส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสานเป็นรายได้เสริมระหว่างรอผลผลิตทางการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ ส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ คสช.จะดูแลสนับสนุนเพิ่มเติมให้การดำเนินงานเป็นอย่างสมบูรณ์ที่สุด

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมให้ความรู้การทำปศุสัตว์ แนะนำการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาสู่การเกษตรแปลงใหญ่ต่อไป สำหรับพื้นที่ที่มีจุดเด่นอยู่ใกล้ถนน ใกล้แหล่งท่องเที่ยว อาจจะสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรได้ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีหน่วยงานภาคการท่องเที่ยวเข้ามาดูแลเพิ่มเติมอีกด้วย

ทั้งนี้ ตามแผนงานของ ส.ป.ก.จะดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในต้นปี 2560 การดำเนินงานระยะต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 2559 จะดำเนินการยึดคืนพื้นที่ เพื่อการพัฒนาตามแนวทางเบื้องต้นอีกจำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 2,188 ไร่ ใน จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครราชสีมา ระยะสุดท้ายห้วงปี 2560 ตามโรดแมปเราจะแบ่งการดำเนินงานยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.ที่ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีก 28 แปลง เนื้อที่ประมาณ 28,000 ไร่

นอกจากนั้น ยังได้มีแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานจะอะกริแม็พช่วยในการพัฒนาความเหมาะสมของพื้นที่ และใช้รูปแบบของสหกรณ์เข้ามาดูแลพื้นที่ โดยเราได้จัดทำโมเดลการแบ่งสรรพื้นที่ออกไปตามใช้งาน 4 ส่วน คือ 1.พื้นที่อยู่อาศัย 2.พื้นที่ทำกิน 3.พื้นที่ส่วนรวม เช่น สำนักงานสหกรณ์แปลงรวม ตลาดเกษตรกร เป็นต้น และ 4.พื้นที่ป่า จะต้องช่วยกันดูแลป่า ปลูกป่าเพิ่มเติม นโยบายนี้นอกจากจะเป็นการบังคับการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อลูกหลาน และการใช้ทรัพยากรของชาติที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ และมีระเบียบแบบแผน ยังเป็นมาตรการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ที่ขาดปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะที่ดินทั้งที่ทำกิน ที่อยู่อาศัยที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในระดับฐานราก ซึ่งเป็นรากแก้วของประเทศ และปลูกฝังการทำงานแบบบูรณาการของส่วนราชการ การทำงานร่วมกันของชุมชนในรูปแบบสหกรณ์ และกลไกประชารัฐ ที่จะเป็นพื้นฐานการสร้างความเข้มแข็ง ความสามัคคีให้กับชุมชนอีกด้วย

สัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 18 -25 กันยายน 2559 ผมต้องเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยวิสามัญครั้งที่ 71 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีหลายการประชุมที่มีความสำคัญต่อบทบาทของไทยในเวทีโลก เช่น การประชุมสุดยอดผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ซึ่งจะเป็นเวทีที่เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์กว่า 40 ปี จากผู้นำ 34 ประเทศที่รับเชิญ เกี่ยวกับการบริหารจัดการและการรับมือกับการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่ไม่ปกติ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศกลางทาง ที่ผ่านมานั้นเราได้ดำเนินการตามหลักมนุษยชนสากลมาโดยตลอด และเป็นโอกาสอันดีที่จะขอความร่วมมือ ทั้งจากประเทศต้นทาง และปลายทาง ในการที่จะแสดงความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวใน 3 ประเด็นหลัก คือ เงินทุนช่วยเหลือผู้ลี้ภัย การตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยในประเทศปลายทาง และการส่งเสริมการศึกษาและการทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศกลางทาง

เรื่องต่อไปในการประชุม ก็คือการประชุมระดับสูง เรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานท่าทีกลุ่มประเทศ G77 ที่ผ่านมานั้นได้แสดงบทบาทนำในการแก้ไขปัญหา ได้มีการผลักดันประเด็นนี้ให้มีการพูดคุยในเวทีอาเซียนได้สำเร็จ ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขของประชาชนอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การรณรงค์ลดการใช้ยาปฏิชีวนะในประเทศ และสนับสนุนการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

เรื่องต่อไป คือการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 71 ซึ่งเวทีนี้เป็นอีกเวทีระดับโลกที่ให้ความสำคัญ ความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน มีผู้นำ ประมุขประเทศเข้าร่วมการประชุมกว่า 190 คน ในการนี้เป็นโอกาสที่ผม ในฐานะเป็นผู้นำประเทศได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นทางเลือกหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันของมนุษยชาติ

ที่ผ่านมา ในการประชุมของกลุ่มประเทศ G77 มีเกือบ 20 ประเทศแล้วที่แสดงความสนใจอย่างเปิดเผย และขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ในหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยขอเข้ามาศึกษาแนวทางในการดำเนินงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง

การประชุมต่อไป คือการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศ G77 ซึ่งไทย ในฐานะประธานกลุ่มในปีนี้ ได้เสนอให้มีวาระการอภิปรายในหัวข้อ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนา SDGs 2030 ขององค์การสหประชาชาติ ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้ว ยังจะพูดถึงการทดลองปฏิบัติจริง เพื่อนำไปสู่ผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

สำหรับผลการประชุม ผมจะได้นำมาเล่าให้พี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบ รับรู้ และทำความเข้าใจ ให้เกิดความร่วมมือภายหลังจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อไทยเราจะได้ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่สำคัญผมอยากให้พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญกับการศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือเพื่อจะพัฒนาตัวเองทุกวัน หรือการเรียนใน กศน. อีกทั้งการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งเอกสาร หนังสือ แหล่งความรู้ที่เป็นสากล ส่วนใหญ่บันทึกเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลอยู่แล้ว ประชาชนของเราจะได้มีความทันสมัย เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย

สุดท้ายนี้ จากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลครบรอบ 2 ปี พี่น้องประชาชนได้รับรู้ รับทราบแล้วว่า ตลอดระยะเวลาการบริหารราชการ 848 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึง 16 กันยายน 2559 ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลและ คสช.ให้ความสำคัญอย่างมากในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs 2030 ขององค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางให้ประเทศสู่ความสำเร็จ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ก็เพื่อลูกหลานไทย

ในการนี้ เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี ได้กำหนดคำขวัญในวันสำคัญนี้ว่า "ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ" ตามคำขวัญปีเยาวชนสากล ผมหวังให้เยาวชนไทยได้ตระหนัก เรียนรู้ถึงความสำคัญของตนเอง เพื่อที่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต จะสามารถช่วยสร้างเสริมกิจการที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมและต่อโลก อย่างมีความรับผิดชอบ ให้สมกับที่รัฐบาลได้ทุ่มเทในทุกมิติ ทุกด้าน เพื่อให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยเฉพาะเยาวชนวันนี้ จะเป็นผู้นำพาประเทศไปสู่จุดมุ่งหมายของเราในวันข้างหน้า ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น