“ประยุทธ์” ประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ย้ำทุกชาติต้องร่วมมือกัน ไทยดูแลด้วยมนุษยธรรม จัดงบช่วยเหลือต่างๆ ทำระบบให้เป็นมาตราฐานสากล ลดความเสี่ยงค้ามนุษย์ ขอบคุณ “โอบามา” ตระหนักถึงบทบาทไทย แนะเปิดพื้นที่ประเทศต้นทาง กลางทาง ปลายทาง แก้ปัญหาในบริบทของตัวเอง ชี้การช่วยเหลือไม่ใช่หน้าที่คนใดคนหนึ่ง เป็นหน้าที่ทุกคน โดยไม่ถึงใครไว้ข้างหลัง
วันนี้ (21 ก.ย.) เวลาประมาณ 15.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ ห้องประชุม UN Trusteeship Council สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (President Obama’s Leaders’ Summit on Refugees) โดยย้ำทุกประเทศต้องร่วมมือกันดูแลผู้ลี้ภัยทั้งประเทศต้นทาง กลางทางและปลายทาง ยืนยันตลอด 40 ปี ขณะที่ไทยให้การดูแลผู้ลี้ภัยด้วยมนุษยธรรม
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกวันนี้คนกว่า 65 ล้านต้องพลัดถิ่น ในจำนวนนี้กว่า 21 ล้านคนเป็นผู้หนีภัยเข้าสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ กลายเป็นภาระหนักของประเทศแรกรับ ไทยก็ตกอยู่ในสภาวะนั้นเช่นกันเพราะตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยมีความเอื้ออารีและให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วกว่าล้านคน ปัจจุบันไทยให้ที่พักพิงแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากชายแดนด้านตะวันตกประมาณหนึ่งแสนคน ไม่นับรวมผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติอีกกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งไทยยินดีที่ประชาคมโลกได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์นิวยอร์กสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐานเมื่อวานนี้
รัฐบาลไทยออกมาตรการต่างๆ โดยปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย จัดงบประมาณราว 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือร้อยละ 0.05 ของ GDP สำหรับค่ารักษาพยาบาล การศึกษา และให้ความช่วยเหลือหากเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ต่างจากคนไทย นอกจากนี้ ไทยกำลังพิจารณาจัดทำระบบคัดกรองให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของ การตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และอนุญาตให้เหยื่อค้ามนุษย์และพยานสามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมายจนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยอาจขยายระยะเวลาทำงานอีกไม่เกินสองปี
รัฐบาลให้การศึกษาและฝึกอาชีพแก่คนในพื้นที่พักพิงฯ เพื่อให้กินดีอยู่ดีเมื่อกลับประเทศ รวมทั้งออกสูติบัตรแก่เด็กผู้หนีภัยทุกคน และกำลังหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งผู้หนีภัยกลุ่มนำร่องที่สมัครใจกลับบ้าน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ไทยกำลังพิจารณาพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย เพื่อไม่ส่งบุคคลกลับไปสู่อันตราย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโอบามาที่ตระหนักถึงบทบาทของไทยในการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยอย่างเต็มที่ ภายใต้ทรัพยากรและข้อจำกัดของประเทศมาโดยตลอด และเชิญไทยเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ นานาประเทศจะต้องร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้ และควรเปิดพื้นที่เชิงนโยบายให้กับประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทางในการแก้ไขปัญหาภายในบริบทของตนเอง
ประเทศต้นทาง ให้เพิ่มความช่วยเหลือด้านการพัฒนาซึ่งจะช่วยให้คนไม่ย้ายถิ่น และไม่กดดันประเทศต้นทางมากเกินไป ประเทศกลางทางซึ่งเป็นประเทศแรกรับต้องรับภาระอย่างมาก จึงควรมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหา ได้รับความช่วยเหลือทางงบประมาณ นโยบาย และการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการดำเนินคดีกับผู้แสวงหาประโยชน์ต่อผู้โยกย้ายถิ่นฐานในทุกรูปแบบอย่างจริงจัง
ประเทศปลายทางก็ต้องเพิ่มความช่วยเหลือด้วย ไทยยินดีที่ประเทศปลายทางประกาศรับผู้ลี้ภัยไปตั้งถิ่นฐานใหม่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ประเทศปลายทางควรสนับสนุนเงินทุน พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ และขีดความสามารถ และร่วมกับ UNHCR ในการเร่งรัดกระบวนการการคัดกรองและการส่งต่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก และสามารถย้ายไปยังประเทศที่ 3 ได้โดยเร็วตามที่คาดหวัง ซึ่งยังช่วยลดภาระของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้แสดงบทบาทนำด้านการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัย การรักษาสันติภาพและการส่งเสริมมนุษยธรรมในโลก