เอเจนซีส์ - “คลินตัน” ทุ่มหาเสียงในรัฐที่เป็นสนามแข่งสำคัญหวังตุนคะแนนเพิ่ม หลังโพลล่าสุดชี้ผู้มีแนวโน้มไปใช้สิทธิเทใจให้อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง 50% ส่วน “ทรัมป์” ได้แค่ 38% รวมทั้งเธอและพวกผู้นำเดโมแครตยังเล็งที่จะอาศัยกระแสที่กำลังขึ้นนี้ อุ้มผู้สมัครสมาชิกรัฐสภาของพรรคเพื่อชิงเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาจากกำมือรีพับลิกัน ขณะในอีกด้านหนึ่ง ผู้จัดการทีมหาเสียงทรัมป์ประกาศเล็งเป้าหมายผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจแต่ไม่คิดสนับสนุนคลินตัน
ในวันอาทิตย์ (23 ต.ค.) เอบีซีนิวส์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีแนวโน้มออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งล่าสุด ซึ่งพบว่า 50% จะลงคะแนนให้ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และ 38% เลือกโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ถือเป็นคะแนนสูงสุดที่คลินตันทำได้นับจากประกาศตัวลงแข่งเพื่อสืบทอดทำเนียบขาวต่อจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่จำนวนผู้สนับสนุนรีพับลิกันที่บอกว่าจะออกไปลงคะแนนในวันที่ 8 เดือนหน้า ลดลง 7% จากที่สำรวจในช่วงกลางเดือนนี้
เวลาเดียวกัน เรียลเคลียร์โพลิติกส์ เว็บไซต์ที่นำเอาผลโพลของสำนักต่างๆ มาคำนวณถัวเฉลี่ยก็ระบุว่า คลินตันมีคะแนนนำทั่วประเทศ 6% ทั้งในการแข่งขันแบบสองทาง (คลินตันกับทรัมป์) และแบบสี่ทาง (นำเอาผู้สมัครของพรรคเล็กอีก 2 รายเข้ามาคำนวณด้วย) รวมทั้งเธอยังนำในบรรดามลรัฐส่วนใหญ่ที่เป็น “สวิง สเตท” ซึ่งหมายถึงรัฐที่มีประวัติไม่ได้ปักใจเทคะแนนให้พรรคใดอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงกลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่คู่แข่งตัวเก็งทั้งสองจะต้องพยายามช่วงชิงเอามา
ทางด้าน เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับในรายการ “มีต เดอะ เพรสส์” ของเครือข่ายทีวีเอ็นบีซีว่า คลินตันมีแต้มต่อในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงเงินทุนที่ทำให้สามารถอัดงบโฆษณาทางทีวีได้เป็นล้านๆ ดอลลาร์ แต่สำทับว่า การแข่งขันยังไม่จบ และทีมทรัมป์จะเดินหน้าโน้มน้าวผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจแต่ไม่คิดสนับสนุนคลินตัน
ตัวทรัมป์เอง ซึ่งไปหาเสียงที่เมืองเนเปิลส์ รัฐฟลอริดา ก็เรียกร้องผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิให้เนืองแน่นเพื่อ “กำจัดฮิลลารีขี้โกงเป็นครั้งสุดท้าย”
ทั้งนี้ ฟลอริดา เป็นรัฐสวิง สเตท ที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนเสียงคณะผู้เลือกตั้งมาก จึงเป็นสมรภูมิสำคัญยิ่ง โดยโพลส่วนใหญ่ระบุว่า ทรัมป์ตามคลินตันอยู่ 2-3%
สำหรับคลินตัน เริ่มการหาเสียงในวันอาทิตย์ (23) ในโบสถ์คนผิวดำที่เดอแรม รัฐนอร์ทแคโรไลนา อีกมลรัฐหนึ่งที่คะแนนเสียงแกว่งไปมาไม่แน่นอน เนื่องจากเธอตระหนักว่า กลุ่มคนผิวสีจะช่วยนำชัยชนะมาให้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2008 โอบามาเคยชนะจอห์น แม็กเคน ผู้สมัครของรีพับลิกัน อย่างเฉียดฉิวในรัฐนี้ แต่ 4 ปีต่อมา เขากลับแพ้ให้ผู้สมัครรีพับลิกันในปีนั้น คือ มิตต์ รอมนีย์
คลินตันเรียกร้องให้สังคมตื่นตัวกับ “การเหยียดผิวอย่างเป็นระบบ” ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วอเมริกา โดยระบุว่ามีการเลือกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกับหนุ่มสาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศยังกล่าวหาทรัมป์ว่า บิดเบือนภาพเมืองชั้นใน ซึ่งมักเป็นถิ่นพำนักของชาวผิวดำ ให้แลดูสิ้นหวัง รวมทั้งยังไม่ยอมรับความสำเร็จของผู้นำผิวดำในทุกสาขาและทุกแง่มุมชีวิต
คลินตันยังย้ำถึงความจำเป็นในการเคารพและให้เกียรติผู้หญิง ซึ่งเป็นการพาดพิงโดยตรงถึงจุดอ่อนของทรัมป์
โพลของเอบีซี นิวส์พบว่า ผู้มีแนวโน้มไปใช้สิทธิ 69% รับไม่ได้กับการตอบคำถามของทรัมป์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้หญิง หลังจากผู้หญิงกว่า 10 คนออกมากล่าวหาว่า ทรัมป์ลูบคลำหรือจู่โจมจูบโดยที่พวกเธอไม่สมัครใจ
ทรัมป์ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมทั้งขู่ซ้ำอีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22) ว่าจะฟ้องผู้หญิงเหล่านั้น
คลินตันยังโจมตีอีกหนึ่งจุดอ่อนของทรัมป์ โดยเรียกเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ว่า “ขี้แพ้ชวนตี” จากการที่ทรัมป์ประกาศบนเวทีดีเบตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นนัยว่าจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวันที่ 8 เดือนหน้า ถ้าเขาเป็นฝ่ายปราชัย โดยเธอชี้ว่านี่เป็นการคุกคามโดยตรงต่อระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา และยังพ้องกับท่าทีของผู้นำเผด็จการในประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อีริก ลูกชายของทรัมป์ แก้ต่างว่า พ่อจะยอมรับผลการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมแน่นอน “100%” ขณะที่ไรนซ์ พรีบัส ประธานพรรครีพับลิกัน ขานรับว่า ทรัมป์จะต่อสู้ต่อเมื่อผลการนับคะแนนคู่คี่มากและควรนับคะแนนใหม่เท่านั้น แต่จะไม่คัดค้านการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด
นอกจากคาดหมายว่าจะชนะทรัมป์ถล่มทลายแล้ว ทีมหาเสียงของคลินตันตลอดจนพวกผู้นำของพรรคเดโมแครต ยังเล็งใช้ความได้เปรียบนี้อุ้มสมาชิกเดโมแครตเข้ากุมเสียงข้างมากในรัฐสภาด้วย จากปัจจุบันที่รีพับลิกันควบคุมทั้งสภาสูงและสภาล่าง