เอเจนซีส์/เอเอฟพี - เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ผู้หญิงอาร์เจนตินาเดินขบวนกลางกรุงบัวโนสไอเรส และอีก 6 ประเทศแดนละตินอเมริกา เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ ลูเซีย เปเรซ (Lucia Perez) ชาวอาร์เจนตินาวัย 16 ปี เหยื่อรุมโทรมและฆ่าโดยขบวนการค้ายาเสพติดเมื่อต้นเดือนนี้ หลังถูกวางยา และลักพาตัวก่อนโดนข่มขืนอย่างเหี้ยมโหด และสุดท้ายต้องเสียชีวิตเนื่องจากบาดแผลภายใน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานล่าสุดวันนี้ (20 ต.ค.) ถึงการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ในกรุงบัวโนสไอเรสในวันพุธ (19 ต.ค.) และเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วอาร์เจนตินา และในเม็กซิโก เอลซัลวาดอร์ โบลิเวีย ชิลี ปารากวัย และ อุรุกวัย พร้อมกัน
การประท้วงครั้งนี้ที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นสตรีในชุดสีดำภายใต้ #NiUnaMenos ที่หมายความว่า จะไม่มีเหยื่อผู้หญิงต้องใช้ชีวิตสังเวยความรุนแรงภายใต้เงื้อมมือเพศชายอีก และ #BlackWednesday หรือวันพุธสีดำ ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อข่มขืนและฆ่ารายล่าสุดในอาร์เจนตินา หญิงวัยรุ่นอายุ 16 ปี ลูเซีย เปเรซ (Lucia Perez) ต้องจบชีวิตอย่างอนาถด้วยบาดแผลภายในเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ล่าสุด ในโรงพยาบาลท้องถิ่นเมืองมาร์ เดล ปลาตา (Mar del Plata) ในอาร์เจนตินา และสิ้นใจในสภาพหัวใจล้มเหลว เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสที่ได้รับในขณะถูกรุมข่มขืน
โดยผู้พิพากษาศาลสูงสุดอาร์เจนตินา เอเลนา ไฮตัน เด โนลาสโก (Elena Highton de Nolasco) ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มต้นเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเปเรซและเหยื่อผู้หญิงคนอื่น ๆจากความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้น “การประท้วงครั้งนี้เพื่อต้องการหยุดยั้งการเสียชีวิตของผู้หญิงที่ถูกเป็นเหยื่อถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม หรือที่เรียกว่า “femicide””
และ เด โนลาสโก ยังกล่าวต่อว่า “นับวันคดีการเสียชีวิตของผู้หญิงจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การสังหารยิ่งนับวันเลวร้ายมากขึ้น และยิ่งเพิ่มความวิปริต ซึ่งเราได้เห็นข่าวรายงานว่า มีเหยื่อผู้หญิงถูกสังหารจำนวน 19 คน แค่ในช่วง 18 วันล่าสุด”
ทั้งนี้ หนึ่งในป้ายประท้วงในการเดินขบวนเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) กล่าวว่า “ในระหว่างกำลังเดินทางกลับบ้าน ดิฉันต้องการรู้สึกปลอดภัยอย่างสะดวกใจ ไม่ใช่ต้องอาศัยความกล้า”
และหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประท้วงที่ยังมีอายุน้อยชี้ว่า “สาเหตุที่เข้าร่วมครั้งนี้เพราะเหยื่อที่ถูกสังหารอาจเป็นพี่สาวน้องสาว หรือเพื่อนของตัวเอง”
เอเอฟพีรายงานต่อว่า ถึงแม้ฝนจะตกหนักและหนาวเย็นแต่ผู้เข้าร่วมประท้วงในกรุงบัวโนสไอเรสยังอดทนฝ่าฝน และสามารถปิดกั้นการจราจรได้บางส่วน
ด้านอัยการเม็กซิโก มาเรีย อิซาเบล ซานเชซ( María Isabel Sánchez) ที่ทำคดีเปเรซได้แถลงถึงการจบชีวิตของนักเรียนไฮสกูลอาร์เจนตินาผู้นี้ ว่า “เป็นการก่อความรุนแรงทางเพศสุดวิปริตเกินมนุษย์
ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า นอกจากเปเรซจะถูกกลุ่มค้ายาเสพติดวางยา ทำการลักพาตัว รุมโทรมข่มขืน และทรมานแล้ว เธอยังถูกเสียบด้วยของแหลมมีคมทะลุร่าง
โดยซานเชซออกแถลงการณ์ทางสื่อ ว่า “ดิฉันรู้ว่าการพูดเช่นนี้ดูจะไม่เป็นมืออาชีพ แต่ทว่าดิฉันเป็นทั้งแม่และผู้หญิง และถึงแม้ว่าตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมาจะพบกับดคีจำนวนมากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นคดีใดที่จะโหดร้ายเช่นคดีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้”
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษชี้ว่า คดีการเสียชีวิตของเปเรซเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีผู้หญิงในแดนละตินอเมริกาอีกจำนวนมากที่ต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว สามี แฟนหนุ่ม สมาชิกในครอบครัว ซึ่งมีมากกว่า 1 คดีที่พบว่าเหยื่อผู้หญิงถูกแฟนหนุ่มของตัวเองจุดไฟเผา
เดอะการ์เดียน รายงานว่า ตามสถิติอ้างอิงจากหน่วยเอ็นจีโอช่วยเหลือสตรี ลา คาซา เดล เอ็นคูเอ็นโตร (La Casa del Encuentro) พบว่า ทุก 30 ชม. ในอาร์เจนตินาจะมีผู้หญิง 1 ราย ต้องจบชีวิตเนื่องมาจากการถูกกระทำทางเพศอย่างทารุณ