เอเอฟพี - ศาลสูงสุดอินเดียพิพากษาไม่รับอุทธรณ์คำสั่งปล่อยตัวผู้ต้องหาเยาวชนที่ร่วมก่อคดีรุมโทรมนักศึกษาหญิงบนรถเมล์ในกรุงนิวเดลีเมื่อปี 2012 ขณะที่พ่อแม่เหยื่อประณามคำวินิจฉัยของศาลว่าเป็นการ “ทรยศ” ต่อผู้หญิงทั่วอินเดีย
พลเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในอินเดียต่างออกมาประท้วงอย่างรุนแรง หลังทราบข่าวการปล่อยตัวผู้ต้องหารายที่ 5 ซึ่งมีส่วนในการข่มขืนนักศึกษาสาว “ชโยติ สิงห์ ปันเดย์” บนรถเมล์ ขณะยังเป็นผู้เยาว์
คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดอินเดียได้ชี้ขาดในวันนี้ (21 ธ.ค.) ว่าคำอุทธรณ์ของคณะกรรมการเพื่อสตรีแห่งนิวเดลีที่คัดค้านการปล่อยตัวผู้ต้องหาออกจากสถานพินิจ “ไม่มีกฎหมายรองรับ”
ผู้พิพากษา เอ.เค.โกล และ ยู.ยู. ลลิต ได้อ่านคำตัดสินซึ่งระบุว่า “ไม่มีข้อกฎหมาย” ที่จะเปิดทางให้ศาลนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับสู่ที่คุมขัง ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะกักตัวเขาไว้ได้อีกต่อไป
สวาตี มาลิวัล ประธานคณะกรรมการเพื่อสตรี ให้สัมภาษณ์หลังทราบคำตัดสินของศาลว่า “เราขอให้ศาลมีคำสั่งชั่วคราวระงับการปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่ศาลไม่ยอมรับ”
“กระบวนการยุติธรรมทั้งระบบไม่ให้ความเป็นธรรมต่อผู้หญิงในประเทศนี้” เธอบอกกับสื่อมวลชนที่หน้าศาล
ชโยติ สิงห์ ปันเดย์ วัย 23 ปี บอบช้ำภายในอย่างรุนแรงจากการถูกชาย 6 คนรุมโทรมและโยนร่างของเธอลงจากรถเมล์ที่กำลังแล่น เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ปี 2012 เธอไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ราว 2 สัปดาห์หลังถูกทำร้าย
ชะตากรรมของนักศึกษากายภาพบำบัดหญิงรายนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แทนความทุกข์ทรมานของผู้หญิงในอินเดียซึ่งมักตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ
“ผมจะพูดอะไรได้อีก... ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูดว่าเราผิดหวังขนาดไหน” บาดรีนาถ สิงห์ บิดาของผู้ตายให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“พวกเราไม่เข้าใจกฎหมายเหล่านี้ รู้แต่ว่ามันไม่ให้ความเป็นธรรมกับเราเลย”
ผู้ต้องหาซึ่งปัจจุบันอายุ 20 ปี และไม่สามารถระบุชื่อด้วยเหตุผลด้านกฎหมาย ได้ร่วมกับพวกอีก 5 คนลักพาตัวนักศึกษาสาวขึ้นรถเมล์ หลังจากที่เธอออกไปดูภาพยนตร์กับเพื่อนชายคนหนึ่งในช่วงค่ำ
รายงานระบุว่า แก๊งชายฉกรรจ์ได้ลวงหญิงสาวขึ้นไปบนรถเมล์เปล่า จากนั้นก็ผลัดกันรุมโทรมและใช้แท่งเหล็กเสียบเข้าไปในช่องคลอดของเหยื่อ ก่อนจะโยนร่างหญิงสาวลงจากรถเมล์
ผู้ต้องหารายหนึ่งที่มีชื่อว่า “ราม สิงห์” ได้ผูกคอตายคาห้องขัง ส่วนอีก 4 คนที่เป็นผู้ใหญ่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตเมื่อปี 2014 แต่อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์
ศาลเยาวชนได้ตัดสินให้วัยรุ่นชายที่ร่วมกระทำผิดเข้าสถานพินิจเพียง 3 ปี ซึ่งเป็นโทษสูงสุดเท่าที่กฎหมายจะอนุญาต เนื่องจากขณะก่อเหตุเขายังมีอายุเพียงแค่ 17 ปี
อชาเทวี มารดาของหญิงผู้ตายระบุว่า คำพิพากษาของศาลสูงสุดแสดงให้เห็นว่าประเทศอินเดีย “ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากคดีนี้”
“สิ่งที่พวกเขาทำเหมือนเป็นการออกใบอนุญาตให้พวกอาชญากรวัยรุ่น... ถ้าอายุไม่เกิน 18 ปีคุณมีสิทธิ์ข่มขืนผู้หญิงได้ อยากทำอะไรก็ทำเลย เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนจะเอาผิดคุณได้” เธอกล่าว
“พวกเขาให้ความสำคัญกับผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงก็ถูกทรยศหักหลังอย่างที่เคยเป็นมาตลอด”
เวลานี้ผู้ต้องหาวัยรุ่นอยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่ไม่ใช่รัฐ ซึ่งเท่ากับว่าเขาพ้นสภาพการเป็นนักโทษอย่างสมบูรณ์
ข่าวที่ว่าผู้ต้องหาถูกส่งตัวให้แก่องค์กรการกุศลแห่งหนึ่งเพิ่งจะถูกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (20) แต่แหล่งข่าวตำรวจระบุว่า เด็กหนุ่มถูกส่งตัวออกจากสถานพินิจตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. และทางตำรวจไม่ขอเปิดเผยชื่อหน่วยงานที่รับตัวเขาไปดูแล เพราะเกรงชาวบ้านจะบุกไปโจมตี
ด้านทนายผู้ต้องหาเปิดเผยว่า ลูกความของเขาอยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัวที่รัฐอุตตรประเทศ แต่เกรงจะไม่ปลอดภัย
กฎหมายอินเดียห้ามเปิดเผยชื่อจริงของสตรีที่ถูกข่มขืน แม้เหยื่อจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ทว่าพ่อแม่ของ ชโยติ กลับเลือกที่จะเผยนามของลูกสาว และเรียกร้องให้สื่อทำตามอย่างด้วย เพื่อให้สังคมได้ตระหนักว่าผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ควรเป็นฝ่ายที่ต้องแบกรับความอับอาย