รอยเตอร์/MGR Online - สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งญี่ปุ่น ซึ่งทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษาในวันนี้ (20 ต.ค.) ทรงมีรับสั่งเล่าว่า รู้สึก “ตกพระทัยและเจ็บปวด” เมื่อเห็นหนังสือพิมพ์ในญี่ปุ่นลงข่าวหน้าหนึ่งว่าสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติ
จักรพรรดิอากิฮิโตะซึ่งมีพระชนมพรรษา 82 พรรษา ได้ทรงรับสั่งเป็นนัยๆ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วเกี่ยวกับการสละราชสมบัติให้แก่มกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ พระราชโอรสองค์ใหญ่ โดยมีพระราชดำรัสผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า พระชนมายุที่มากขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการที่จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์
การสละราชสมบัติของพระจักรพรรดินั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในญี่ปุ่น และยังไม่มีกฎหมายรองรับ แต่คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้มีการประชุมเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้เพื่อหารือว่าจะพอมีหนทางทำได้หรือไม่
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา จักรพรรดินีมิชิโกะทรงมีพระราชดำรัสเป็นลายลักษณ์อักษรว่า พระองค์ได้ฟังพระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิเมื่อเดือน ส.ค. และทรงทราบว่าพระจักรพรรดิได้ทรงหารือเรื่องนี้กับพระราชโอรสทั้งสอง คือ มกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ และเจ้าชายอากิชิโนะ แล้ว
“อย่างไรก็ดี เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นคำว่า “สละราชย์ทั้งยังมีพระชนม์ชีพ” บนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ทำให้รู้สึกตกใจอย่างมาก”
“คงจะเป็นเพราะว่าข้าพเจ้าไม่เคยเห็นถ้อยคำเช่นนี้แม้แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์ และใน 1-2 วินาทีแรกนั้นข้าพเจ้าทั้งตกตะลึงและเจ็บปวด บางทีข้าพเจ้าอาจจะอ่อนไหวมากไป”
ชาวญี่ปุ่นมีธรรมเนียมที่จะต้องใช้ภาษาทางการเมื่ออ้างอิงถึงสถาบันพระจักรพรรดิ และข้อความที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์นั้นถอดความตรงๆ ได้ว่า “สละราชย์ทั้งยังมีชีวิต”
ชาวญี่ปุ่นต่างจดจำภาพของจักรพรรดินีมิชิโกะที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเคียงข้างสมเด็จพระจักรพรรดิมายาวนานหลายสิบปี โดยทรงเป็นสตรีสามัญชนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้อภิเษกสมรสกับพระราชวงศ์ชั้นสูงของญี่ปุ่น
ราชวงศ์ญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น และสมเด็จพระจักรพรรดินีเองก็ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยียน และทรงมีพระปฏิสันถารกับประชาชนทั่วไปอย่างไม่ถือพระองค์ ครั้งหนึ่งทรงเคยโอบกอดและปลอบโยนสตรีที่สูญเสียบ้านในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ เมื่อปี 1995