เอพี/เอเจนซีส์ / MGR online - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด โดยสำนักข่าวเอพีร่วมกับสำนักวิจัย “GfK poll” ระบุ มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันเพียงร้อยละ 36 เท่านั้นที่เชื่อนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศของเธอ หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดกลับพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนร้อยละ 51 มีความเชื่อมั่นในสุขภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในวัย 70 ปี ว่าแข็งแรงพอที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศหากเขาได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจล่าสุดยังพบข้อมูลที่ระบุกลุ่มตัวอย่างเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้หญิง และ 40 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้ชาย มองว่าสื่อมวลชนให้ความสำคัญต่อประเด็นปัญหาด้านสุขภาพของนางฮิลลารี คลินตัน มากจนเกินไป
ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้โดย “มอร์นิง คอนซัลต์” พบข้อมูลว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวน 22 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า 1 ใน 5 ที่มั่นใจแบบเต็มร้อยว่า นางฮิลลารี คลินตัน จะ “เสียชีวิต” ลงก่อนที่เธอจะอยู่ครบวาระ 4 ปีในฐานะประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา หลังเกิดอาการ “วูบ” จนกลายเป็นข่าวฮือฮาสั่นสะท้านไปทั่วโลก เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน
ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าว ซึ่งจัดทำโดยสื่อดิจิตอลดังที่ไม่เลือกเอียงข้างอย่างมอร์นิง คอนซัลต์ ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุด้วยว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันอีกราว 12 เปอร์เซ็นต์ที่ “ไม่มั่นใจ” ว่าฮิลลารีจะมีชีวิตอยู่ยาวนานพอที่จะบริหารประเทศได้ครบวาระ 4 ปี หากตัวแทนหญิงจากพรรคเดโมแครตรายนี้ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป
ในอีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจความคิดเห็นจากสำนักเดียวกันนี้ยังระบุว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันแค่ 38 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่เชื่อว่า ทิม เคน คู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของฮิลลารี คลินตัน “มีความพร้อมเพียงพอ” ที่จะก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ ถ้าหากฮิลลารีเสียชีวิตลงแบบกะทันหัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 31 เปอร์เซ็นต์ลงความเห็นว่า ทิม เคน ยัง “ไม่พร้อม” ที่จะก้าวขึ้นบริหารประเทศแทนหากฮิลลารีถึงแก่ความตาย
ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 12-13 กันยายนที่ผ่านมา โดยการสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวน 1,501 คนนี้ถูกจัดทำขึ้นอย่างทันควัน ภายหลังจากที่คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง-อดีตวุฒิสมาชิกมลรัฐนิวยอร์ก-อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวัย “68 ปี” มีอันต้องงดออกงานกะทันหันไม่นานหลังมีคลิปวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ขณะที่เธอเกิดอาการ “วูบ” ยืนทรงตัวไม่อยู่ ขณะกำลังร่วมพิธีรำลึกเหตุโจมตี 9/11 เมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา
แม้ทีมหาเสียงของฮิลลารีจะอ้างว่าเธอมีอาการ “ปอดบวม” ซึ่งไม่ร้ายแรง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะ “สยบข่าวลือ” เรื่องปัญหาสุขภาพที่รุมเร้าของฮิลลารี ในวัย 68 ปี และส่งผลให้เรื่องนี้กลายเป็น “ประเด็นร้อนฉ่า” ทางการเมืองอีกครั้ง ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมืองลุงแซมจะมีขึ้นในอีกไม่ถึง 2 เดือนนับจากนี้
บรรดาผู้ช่วยในทีมหาเสียงของฮิลลารี คลินตัน ต่างดาหน้ากันออกมาแถลงว่า อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และอดีตรัฐมนตรีหญิงแห่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้นี้มีอันต้องยกเลิกแผนเดินทางไปยังมลรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อร่วมงานระดมทุนและงานอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการหาเสียงทั้งในวันที่ 12 และ 13 กันยายน
รายงานข่าวระบุว่า ฮิลลารี คลินตัน ในวัย 68 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคปอดบวมตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะเกิดอาการวูบจนเข่าอ่อนและจวนเจียนจะล้มลง ขณะกำลังร่วมพิธีรำลึกเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2001 บริเวณ “กราวนด์ ซีโร” ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตึกแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ในมหานครนิวยอร์ก ในตอนเช้าของวันที่ 11 กันยายน ก่อนที่ทีมงานผู้ช่วยของเธอจะประคองตัวฮิลลารีออกไปจากพิธีแบบทุลักทุเล
ทางด้านลิซา บาร์แด็ค หนึ่งในทีมแพทย์ประจำตัวของฮิลลารี ออกมาแถลงในวันเดียวกันนั้นว่า อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมีอาการไอที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย และผลการตรวจร่างกายเมื่อ 9 ก.ย. ก็พบว่าเธอมีอาการปอดบวม ส่วนเหตุการณ์วูบออกสื่อแบบไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อ 11 ก.ย.นั้นถูกระบุว่ามีสาเหตุจากภาวะ “ร่างกายขาดน้ำ”
การวูบออกสื่อแบบไม่คาดฝันครั้งนี้ของฮิลลารี คลินตัน เกิดขึ้นในจังหวะเวลาสำคัญ ก่อนการโต้วาทีดีเบตใหญ่ครั้งแรกกับทรัมป์ คู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ในวันที่ 26 ก.ย. ขณะที่การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ คราวนี้ถูกกำหนดไว้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน
ย้อนกลับไปที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของมอร์นิง คอนซัลต์ ซึ่งนอกจากจะระบุว่าผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในสหรัฐฯ จำนวน 22 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า 1 ใน 5 ที่มั่นใจแบบเต็มร้อยว่า นางฮิลลารี คลินตัน จะ “เสียชีวิต” ลงก่อนที่เธอจะอยู่ครบวาระ 4 ปี หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจเดียวกันนี้ยังพบข้อมูลว่า ราว 55 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเชื่อว่า ฮิลลารี คลินตัน กำลังปกปิดปัญหาสุขภาพที่แท้จริงและพยายาม “โกหก” ต่อสาธารณชนอเมริกันในประเด็นนี้
ขณะที่ 50 เปอร์เซ็นต์หรือครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า ข้อมูลด้านอาการเจ็บป่วยที่ทีมหาเสียงของฮิลลารีออกมาแถลงหลังเธอเกิดอาการวูบที่กราวนด์ ซีโร ในนิวยอร์กนั้น ล้วนแล้วแต่เป็น “ข้อมูลเท็จ”
ส่วนอีก 54 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็นคราวนี้ลงความเห็นว่า ฮิลลารี คลินตัน และพรรคเดโมแครต “ไม่โปร่งใส” ในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ
ก่อนหน้านี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮิลลารี คลินตันเคยตกเป็นข่าวว่ามีปัญหาด้านสุขภาพมาแล้วหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะเมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2012 ที่เธอมีอาการสั่นอย่างรุนแรง และแพทย์ตรวจพบการอุดตันของเส้นโลหิตในสมอง และมีอาการมองเห็นภาพซ้อน ยังไม่นับรวมกับข่าวเกี่ยวกับปัญหาการเจ็บป่วยของฮิลลารีที่เป็นภาวะสืบเนื่องจากการทำงานหนักของ “ต่อมไทรอยด์” และอาการ “แพ้เกสรดอกไม้”