เอเจนซีส์ - “ฮิลลารี คลินตัน” งดออกงานกะทันหัน แพทย์ประจำตัวแถลงมีอาการปอดบวม ภายหลังมีคลิปภาพผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งพรรคเดโมแครตส่งเข้าประกวดผู้นี้ทรงตัวไม่อยู่ ขณะไปร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์โจมตี 9/11 เมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ทำให้ข่าวลือเรื่องสุขภาพของคลินตันกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง ก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นไม่ถึง 2 เดือน ทางด้านกูรูการเมืองแนะทีมหาเสียงเปิดเผยข้อมูลสุขภาพคลินตันอย่างโปร่งใส เพื่อล้มล้างทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเรื่องอาการป่วยของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
พวกผู้ช่วยของเธอแถลงว่า คลินตันต้องยกเลิกแผนการเดินทางไปรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อเข้าร่วมงานระดมเงินทุนและงานหาเสียงอื่น ๆ ในวันจันทร์ (12) และวันอังคาร (13)
คลินตัน วัย 68 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นโรคปอดบวมตั้งแต่วันศุกร์ (9) แต่อาการเพิ่งจะฟ้องหลังมีวิดีโอเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียเป็นภาพอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเข่าอ่อนและทำท่าเหมือนจะล้ม ก่อนที่ผู้ติดตามจะช่วยพยุงขึ้นรถและออกจากพิธีรำลึกวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ณ กราวนด์ ซีโร หรือสถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอาคารแฝด “เวิลด์ เทรด เซนเตอร์” ในนิวยอร์ก ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (11)
ลิซา บาร์แดค แพทย์ประจำตัวแถลงในวันเดียวกัน ว่า คลินตันมีอาการไอจากโรคภูมิแพ้ และผลการตรวจเมื่อวันศุกร์ พบว่า เธอเป็นโรคปอดบวม จึงจัดยาปฏิชีวนะให้และแนะนำให้พักผ่อน รวมทั้งปรับตารางเวลาการทำงาน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ มีสาเหตุจากภาวะร่างกายขาดน้ำ แต่ยืนยันว่า คลินตันมีอาการดีขึ้นแล้ว
การล้มป่วยครั้งนี้ของคลินตัน ถือว่า เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในศึกชิงทำเนียบขาว เนื่องจากกำลังจะมีการโต้วาทีใหญ่ครั้งแรกกับคู่แข่งสำคัญหนึ่งเดียวคือ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในวันที่ 26 ก.ย. นี้ ขณะที่การเลือกตั้งกำหนดไว้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน
อย่างไรก็ดี บรรดาพันธมิตรของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้ กลับฉวยวิกฤตเป็นโอกาส โดยระบุว่า อาการปอดบวมล่าสุดตอกย้ำความเข้มแข็งของคลินตัน
ปีเตอร ดาอู ที่เคยทำงานให้คลินตัน และปัจจุบันเปิดบริษัทด้านการสื่อสาร อ้างว่า หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นปอดบวม คลินตันยังร่วมประชุมด้านความมั่นคงแห่งชาตินาน 2 ชั่วโมง แถลงข่าว และร่วมพิธีรำลึก 9/11 ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวถึงชั่วโมงครึ่ง
นอกจากนั้น หลังจากถูกพาตัวจากกราวนด์ ซีโร ไปพักที่บ้านเชลซี ลูกสาวของเธอ ในย่านแมนฮัตตัน คลินตันปรากฏตัวในอีกราว 2 ชั่วโมงต่อมา ในสภาพปกติพร้อมบอกผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวว่า เธอรู้สึกแข็งแรงดีมาก
ทางด้านทรัมป์ซึ่งก็ไปร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์ 9/11 เช่นกัน ใช้ท่าทีนิ่งเงียบเกี่ยวกับการล้มป่วยของคู่แข่ง ซึ่งถือว่าไม่ใช่บุคลิกลักษณะของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์จอมโวยผู้นี้เลย โดยที่มีข่าวบางกระแสกล่าวว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์ต้องการให้แสดงความเคารพวาระวันครบรอบโศกนาฏกรรมใหญ่ของอเมริกา
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ยังเที่ยวส่งเสริมหนุนหลังแนวความคิดที่ว่าคลินตันมีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง
ขณะที่ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข่าวลือที่ว่าคลินตันอาจจะมีเนื้องอกในสมอง, เป็นโรคพาร์กินสัน หรือมีอาการสมองเสื่อม ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ (11) ทรัมป์กลับไม่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวในเรื่องสุขภาพของคลินตัน และต่อมาในวันจันทร์ (12) สื่อสหรัฐฯอย่างโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น และสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานตรงกันว่า ทรัมป์บอกว่าเขาจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซีเอ็นเอ็น และบลูมเบิร์ก รายงานตรงกันอีกว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์แถลงว่าพวกเขาต้องการที่จะได้รับการเคารพนับถือ และพวกเจ้าหน้าที่ทีมงานได้รับคำสั่งว่าอย่าโพสต์อะไรในสื่อสังคม เกี่ยวกับการป่วยเป็นปอดบวมของคลินตัน หากใครละเมิดเรื่องนี้ก็อาจจะถูกยกเลิกสัญญาจ้างงาน
ถึงแม้ทรัมป์ยังงดการวิจารณ์ข่าวการป่วยของคลินตัน แต่นักกลยุทธ์การเมือง แนะว่า ทีมหาเสียงของคลินตันควรเผชิญหน้ากับปัญหานี้เพื่อสยบความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากทั้งทรัมป์และผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงบางคน ระดมโจมตีก่อนหน้านี้ว่า คลินตัน “ไม่แข็งแกร่ง” ทั้งร่างกายและจิตใจพอที่จะรับมือศัตรูภายนอกอย่างเช่นกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
คลินตันยังเคยเป็นข่าวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในเดือนธันวาคม 2012 ที่เธอมีอาการสั่นอย่างรุนแรง และหลังจากนั้น แพทย์ตรวจพบเส้นเลือดอุดตันในสมอง และคลินตันยังมีอาการมองเห็นภาพซ้อนชั่วคราว
กระนั้น เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แพทย์ประจำตัวได้ออกจดหมาย ยืนยันว่า สุขภาพของคลินตันดีเยี่ยม พร้อมสำหรับการบริหารประเทศในตำแหน่งประธานาธิบดี โดยที่ได้ระบุอาการทางร่างกายที่ไม่เป็นปกติในขณะนั้นของเธอด้วย เป็นต้นว่า ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานหนักเกิน และการแพ้เกสรดอกไม้ที่มีอาการเฉพาะฤดู
อาการป่วยครั้งล่าสุดยังมีขึ้นขณะที่ทรัมป์มีคะแนนตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยในโพลของวอชิงตัน โพสต์/เอบีซี ที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (11) พบว่า คลินตันนำทรัมป์เพียง 46% ต่อ 41% เท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ (10) คลินตันยังถูกรีพับลิกันและสาวกโซเชียลมีเดียโจมตีอย่างหนัก หลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเธอวิจารณ์ว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์ครึ่งหนึ่ง “น่าสังเวช” แม้หลังจากนั้นเจ้าตัวออกมาแสดงความเสียใจกับถ้อยคำดังกล่าวก็ตาม
บัด แจ็คสัน นักกลยุทธ์ของเดโมแครตในเวอร์จิเนีย แสดงความเห็นว่า การออกคำแถลงของแพทย์ประจำตัวของเธอ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และเหตุการณ์นี้ควรส่งเสริมให้ทีมหาเสียงเปิดเผยเกี่ยวกับสุขภาพของคลินตันอย่างโปร่งใส
ส่วน เจนนิเฟอร์ ลอว์เลสส์ ศาสตราจารย์สาขาการปกครองจากมหาวิทยาลัยอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน ชี้ว่า อาการป่วยล่าสุดไม่ใช่จุดพลิกผันในการแข่งขัน แต่ทีมหาเสียงจะต้องยืนยันให้ได้ว่า คลินตันแข็งแรงดีและพร้อมสำหรับงานที่รออยู่
กระนั้น กลยุทธ์นี้อาจยากลำบาก หากคลินตันพักผ่อนและปรับตารางการทำงานตามคำแนะนำของแพทย์
แลร์รี ซาบาโต นักรัฐศาสตร์มากประสบการณ์จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย แนะนำให้ทีมหาเสียงเผยแพร่ประวัติสุขภาพฉบับเต็มของคลินตันเพื่อให้ประชาชนหมดข้อกังขา