เอเจนซีส์ – อเมริกาย้ายนักโทษ 15 คน จากกวนตานาโมไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งถือเป็นการย้ายนักโทษจากคุกแห่งนี้จำนวนมากที่สุดในคราวเดียว ภายใต้ยุคสมัยของ บารัค โอบามา อย่างไรก็ตาม องค์การนิรโทษกรรมสากลเตือนหากผู้นำทำเนียบขาวไม่สามารถปิดคุกกิตโมแห่งนี้ก่อนพ้นตำแหน่งอย่างที่ตั้งใจ อาจเปิดทางให้คณะบริหารชุดต่อไปเริ่มต้นการเพิ่มจำนวนนักโทษในคุกดังกล่าวอีกครั้ง
การย้ายนักโทษครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วยชาวเยเมน 12 คน อัฟกานิสถาน 3 คน ทำให้จำนวนผู้ถูกคุมขังในฐานทัพเรืออเมริกันที่อ่าวกวนตานาโมของคิวบาคงเหลือ 61 คน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจองจำโดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือพิจารณาคดีนานกว่าทศวรรษ ท่ามกลางการประณามจากนานาชาติ
หนึ่งในนักโทษที่ถูกโอนย้ายครั้งนี้คือ โอไบดุลเลาะห์ ชาวอัฟกานิสถานที่ถูกคุมขังมานานกว่า 13 ปี จากข้อกล่าวหาซุกซ่อนระเบิดไว้ทำร้ายกองกำลังอเมริกันในอัฟกานิสถาน
นับจากการโจมตีอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 มีนักโทษถูกกักขังในคุกกวนตานาโมที่ดำเนินการโดยกองทัพสหรัฐฯ ประมาณ 780 คน และลดเหลือ 242 คน ตอนที่โอบามาเข้ารับตำแหน่ง
หลังการประกาศเมื่อวันจันทร์ (15) จะเหลือนักโทษอีก 19 คนที่ได้รับอนุมัติแล้วและรอการโอนย้าย
ประธานาธิบดีโอบามาที่หวังปิดคุกดังกล่าว ระหว่างปีแรกที่เข้ารับตำแหน่ง เปิดเผยแผนการนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถูกต่อต้านจากสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันจำนวนมาก รวมถึงสมาชิกพรรคเดโมแครตบางส่วน
เอ็ด รอยซ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศน์สัมพันธ์สภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน โจมตีว่า การรีบเร่งปิดกิตโมหรือคุกกวนตานาโม เป็นการเพิ่มเดิมพันในนโยบายที่ทำให้ชีวิตคนอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยง และนี่เป็นอีกครั้งที่ผู้ก่อการร้ายที่ไร้ความปราณีถูกปล่อยไปคุกคามประเทศอื่น
ทั้งนี้ หลังจากถูกย้ายออกจากกวนตานาโม นักโทษจะได้รับอิสรภาพและอยู่ภายใต้โครงการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด
แม้แผนการปิดคุกกวนตานาโมของโอบามาเสนอให้ย้ายนักโทษที่เหลือไปยังเรือนจำที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดในอเมริกา ทว่ากฎหมายสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ถึงกระนั้นโอบามาก็ยังมีช่องทางในการใช้อำนาจประธานาธิบดี เพื่อยกเว้นเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ
ขณะเดียวกัน แม้ผู้นำสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถปิดคุกกวนตานาโมได้สำเร็จ แต่ช่วงหลายเดือนมานี้ มีการเร่งรัดกระบวนการอนุมัติการโอนย้ายนักโทษจากคุกแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
นอรีน ชาห์ ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนขององค์การนิรโทษกรรมสากลประจำอเมริกา แสดงความยินดีต่อการย้ายนักโทษกวนตานาโมครั้งล่าสุด และมองเป็นสัญญาณว่า โอบามาจริงจังกับการปิดคุกดังกล่าวก่อนอำลาตำแหน่งต้นปีหน้า แต่เสริมว่าในทางกลับกัน หากคุกแห่งนี้ยังคงอยู่จะทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ มีข้ออ้างในการละเลยสิทธิมนุษยชน
ลี โวโลสกี้ ผู้แทนพิเศษของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อการปิดคุกกวนตานาโม แถลงว่า การคงสถานคุมขังดังกล่าวต่อไปรังแต่บ่อนทำลายความมั่นคงของอเมริกา สิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศ และทำลายความสัมพันธ์กับพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมขบวนการหัวรุนแรง
ลีโวโลสกี้เสริมว่า การสนับสนุนของพันธมิตรอย่างยูเออีมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกันในการปิดคุกกวนตานาโม
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อยังบอกว่า เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ยูเออีรับนักโทษกวนตานาโมไปแล้ว 5 คน
ด้านชาห์ทิ้งท้ายว่า โอบามาควรผลักดันแผนการปิดคุกกวนตานาโมให้ลุล่วงก่อนพ้นตำแหน่ง มิฉะนั้นคณะบริหารชุดต่อไปอาจเริ่มเพิ่มจำนวนนักโทษในคุกดังกล่าว ด้วยการส่งผู้ต้องสงสัยเป็นนักรบญิฮัด ที่จับได้ในสนามรบกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ไปทำการคุมขังไว้ที่นั่น