เอเอฟพี - กองทัพซีเรียเข้าควบคุมย่านแห่งหนึ่งของฝ่ายกบฏในแถบใจกลางเมืองอะเลปโปได้แล้วในวันอังคาร (27 ก.ย.) ตามหลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องหลายวัน ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายสิบศพ และกระพือคำกล่าวหาอาชญากรรมสงคราม
ในการรุกคืบแรกนับตั้งแต่ประกาศทวงคืนเมืองโดยสมบูรณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทหารฝ่ายฝักใฝ่รัฐบาลเข้ายึดเขตฟาราฟิรา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของป้อมปราการทางประวัติศาสตร์อะเลปโป "หลังจากกำจัดพวกก่อการร้ายไปจำนวนมาก ตอนนี้หน่วยทหารกำลังเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่" แหล่งข่าวกองทัพบอกกับเอเอฟพี
การรุกคืบครั้งนี้มีขึ้นหลายวันตามหลังซีเรียและรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มย่านต่างๆ ของอะเลปโปที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ โดยบางวันเป็นการทิ้งบอมบ์โจมตีครั้งหนักหน่วงที่สุดของสงคราม 5 ปี หลังจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีมอสโกและวอชิงตันเป็นคนกลางพังครืนลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ความอลหม่านในอะเลปโปกระตุ้นให้มหาอำนาจตะวันตกกล่าวหารัสเซียกำลังก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่ เยนส์ สโทลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ก็ประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศดังกล่าวเช่นกัน
"การโจมตีอย่างน่าตกใจต่ออะเลปโปสั่นสะเทือนเราทุกคน ความรุนแรงและเหตุโจมตีที่เราได้เห็น มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิงในทางศีลธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง" สโทลเทนเบิร์กกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ในภาคสนามทางตะวันออกของอะเลปโป ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีรายงานว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดลงในหลายย่านพร้อมๆ กัน ในนั้นรวมถึงอัล-ชาร์ จุดที่อาคารสูง 5 ชั้นพังราบเป็นหน้ากอง ขณะที่มีครอบครัวหนึ่งติดอยู่ภายใน
เด็กผู้หญิงเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต โดยร่างของเธอถูกฝังอยู่ใต้ซากหักพัง ทั้งนี้ ผู้เป็นบิดาถึงกับช็อกในตอนที่หน่วยกู้ภัยนำร่างไร้วิญญาณของเธอออกมา โดยเขาเอาแต่คร่ำครวญอย่างน่าเศร้าว่า "เธอแค่นอนหลับ เธอแค่นอนหลับเหมือนเคยเท่านั้น"
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียระบุว่า มีผู้คนแล้วมากกว่า 155 รายที่ถูกสังหารโดยปฏิบัติการทิ้งระเบิดของรัสเซียและรัฐบาลซีเรียในเมืองอะเลปโป นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศจู่โจมเมืองแห่งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงหนักหน่วงขึ้น ชาวบ้านยังต้องทนทุกข์ทรมานกับภาวะอาหารขาดแคลนและราคาข้าวของที่พุ่งสูง ขณะที่องค์การอนามัยโลกเตือนในวันอังคาร (27 ก.ย.) ว่าสถานพยาบาลต่างๆ ในทางตะวันออกของอะเลปโปจ่อที่จะพังทลายโดยสิ้นเชิง
"สัปดาห์ที่แล้วเพียงสัปดาห์เดียวมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 200 คน ถูกพามายังสถานพยาบาลต่างๆ ทางตะวันออกของอะเลปโปที่ขาดแคลนเจ้าหน้าที่" โฆษกของอนามัยโลกระบุ พร้อมเรียกร้องกำหนดเส้นทางมนุษยธรรมสำหรับอพยพผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บออกไปจากฝั่งตะวันออกของเมือง
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียเผยว่า ในวันอังคาร (27 ก.ย.) ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเบาบางลงเล็กน้อยกว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่ากองกำลังฝักใฝ่รัฐบาลรุกคืบเข้าสู่ฟาราฟิราแล้ว
อะเลปโปถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยฝั่งตะวันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล และฝั่งตะวันออกอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2012 ทั้งนี้ สถานการณ์ในแนวหน้ายังคงนิ่งอยู่ แม้ยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมีการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงที่มีสหรัฐฯ และรัสเซียเป็นคนกลางทั่วซีเรีย ตามหลังการเจรจาอย่างสุดกำลังระหว่างนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศมอสโก
ข้อตกลงดังกล่าวได้รับฉายาจากนายเคร์รีว่าเป็นโอกาสสุดท้ายในการยุติความขัดแย้งล้างผลาญที่ยืดเยื้อมานาน 5 ปี อย่างไรก็ตามมันพังครืนลงภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ด้วยแต่ละฝ่ายต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันในความล้มเหลวระงับสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 300,000 ศพ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2011
เหล่านักวิเคราะห์ให้ความเห็นในวันอังคาร (27 ก.ย.) การระดมโจมตีอะเลปโปอย่างโหดเหี้ยมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ามอสโกกำลังสนับสนุนรัฐบาลซีเรียที่มีเป้าหมายเข้าควบคุมเมืองแห่งนี้โดยสมบูรณ์
ณ ที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ส่วนทูตของอังกฤษและฝรั่งเศสพูดแรงกว่านั้น โดยกล่าวอ้างว่าการทิ้งระเบิดถล่มอะเลปโปเข้าองค์ประกอบของอาชญากรรมสงคราม