รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ระบุในวันจันทร์ (26 ก.ย.) ว่าเขาจะไปเยือนรัสเซียและจีนในปีนี้ เพื่อดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและผูกมิตรกับ 2 ชาติมหาอำนาจดังกล่าว ที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐอเมริกา
ดูเตอร์เตบอกว่า ฟิลิปปินส์อยู่ในจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกแล้ว สำหรับความสัมพันธ์ที่มีต่อชาติอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างอเมริกา ดังนั้นเขาจึงต้องการจะกระชับสัมพันธ์กับชาติอื่น โดยเลือก 2 ชาติมหาอำนาจของโลกที่กำลังระหองระแหงกับอเมริกาบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเตอร์เตเพิ่งประกาศว่า ในอีกไม่นานเขาจะไปเยือนจีน แถมบอกด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียก็อยากให้เขาไปเยือนมอสโก
เขาบอกว่ายินดีต้อนรับการลงทุน แถมยังยักไหล่ไม่สนใจเรื่องความกังวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของหน่วยงานจัดอันดับ "สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์" เกี่ยวกับเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ภายใต้ยุคสมัยของดูเตอร์เต
"ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้น ผมจะเปิดฟิลิปปินส์ให้กับผู้ที่มาทำธุรกิจ เป็นพันธมิตรด้านการค้าและพาณิชย์" ดูเตอร์เต กล่าว
ดูเตอร์เตยังบอกด้วยว่า เขาจะเปิดกว้างสำหรับธุรกิจโทรคมนาคมและสายการบิน ซึ่งเป็นหมวดธุรกิจที่ถือครองโดยคนท้องถิ่นมายาวนานจนถูกวิจารณ์ในเรื่องไร้การแข่งขัน แต่เขาไม่ได้อธิบายรายละเอียด
การตำหนิอเมริกา กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบจะทุกวันสำหรับผู้นำอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายรายนี้ ซึ่งสร้างทั้งความบันเทิงและความกังวล โดยในวันจันทร์ เขาได้กล่าวหาวอชิงตันเป็นพวกเสแสร้ง แถมชาวอเมริกันก็ยังคงทำตัวเหมือนเป็นเจ้านาย
นอกจากนี้เขายังปฏิเสธที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางทะเลที่น่าจะเริ่มขึ้นเพราะอเมริกา แม้ว่าจะมีสนธิสัญญาฉบับหนึ่งในปี 1951 ระหว่างฟิลิปปินส์-สหรัฐฯ ที่กำหนดให้ฟิลิปปินส์จะต้องหนุนหลังอเมริกาตามกฏหมายก็ตาม
"ผมกำลังจะข้ามรูบิคอน ระหว่างผมกับอเมริกามันถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกแล้ว" ดูเตอร์เต กล่าว โดยอ้างสำนวนที่เกี่ยวกับการเดินทัพข้ามแม่น้ำในอิตาลีของ จูเลียส ซีซาร์
ยังไม่ชัดเจนว่าท่าทีของดูเตอร์เตจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กองทัพของทั้งคู่มีกำหนดซ้อมรบร่วมกันในเดือนตุลาคม
สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลา ได้ประกาศในวันจันทร์ เรื่องการจัดส่งเครื่องบิน C130 จำนวน 2 ลำ กับทหารอีก 100 นาย เข้าไปที่ฐานทัพอากาศในตอนกลางของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการดำเนินการครั้งที่ 3 ของปีนี้ ตามข้อตกลงผลัดเปลี่ยนกำลังทหาร
นอกจากนี้ ดูเตอร์เตยังบอกด้วยว่า สหประชาชาติ สหภาพยุโรป รวมถึงสหรัฐอเมริกา ควรจะเลิกยื่นมือเข้ามาสืบสวนการสังหารผู้คนในปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด
ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวได้ทำให้มีคนตายเฉลี่ยวันละกว่า 40 ราย นับตั้งแต่ดูเตอร์เตขึ้นสู่อำนาจในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา