เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ได้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกามากขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ด้วยการสั่งให้กองกำลังพิเศษอเมริกันทั้งหมด ที่คอยให้คำแนะนำในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ออกจากพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์
คำสั่งของดูเตอร์เตครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเรียกประธานาธิบดี บารัค โอบามา ว่าเป็นลูกกะหรี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนทำให้ผู้นำอเมริกายกเลิกกำหนดการหารือแบบทวิภาคี ตอนไปประชุมที่ลาว
ดูเตอร์เต ผู้อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากมุสลิม เป็นผู้นำฟิลิปปินส์คนแรกที่ได้รับเสียงโห่ร้องต้อนรับจากพื้นที่ภาคใต้ ทั้งยังเพิ่มความพยายามที่จะนำสันติสุขกลับมาสู่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ อันเป็นดินแดนที่เกิดความไม่สงบมายาวนานนับทศวรรษ จากฝีมือกบฏมุสลิมและพวกคอมมิวนิสต์ ที่คร่าชีวิตไปกว่า 150,000 คน
เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กลับมาเริ่มการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ใหญ่สุด ซึ่งมีกำลังพลราว 12,000 คน นั่นคือ กลุ่ม “แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร” ที่ทำการต่อสู้มาตั้งแต่ยุคปี 1970 เพื่อจะประกาศเอกราชเป็นรัฐอิสลาม หรือไม่ก็ขอปกครองตนเอง
ทั้งนี้ ทหารที่ปรึกษาอเมริกันในพื้นที่ดังกล่าวได้ช่วยฝึกทหารฟิลิปปินส์ แต่ไม่เข้าร่วมในการสู้รบ เว้นแต่จะเป็นการป้องกันตัว
ก่อนหน้านี้ มีบุคลากรสหรัฐฯ 500 - 600 นาย หมุนเวียนกันเข้ามาในแถบมินดาเนา แต่ในปี 2014 “โวลแตร์ กัซมิน” รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ในตอนนั้นได้บอกว่าจะลดจำนวนให้เหลือแค่ 200 นาย
ดูเตอร์เตไม่ได้บอกชัดเจนว่า เมื่อไหร่หรือจะมีทหารอเมริกันจำนวนเท่าไหร่ที่จะถูกสั่งให้ออกจากพื้นที่ แต่ระบุว่า การที่ฟิลิปปินส์เป็นมิตรกับตะวันตก ทำให้การก่อความไม่สงบของพวกมุสลิมเกิดขึ้นไม่หยุด
“พวกกองกำลังพิเศษสหรัฐฯ ที่อยู่ในมินดาเนา พวกเขาต้องไปให้พ้น ชาวมุสลิมจะกระเหี้ยนกระหือรือมากขึ้นเมื่อได้เห็นคนอเมริกัน พวกเขาอยากจะฆ่าคนอเมริกัน” ดูเตอร์เต ระบุ
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
สหรัฐอเมริกานั้นเป็นพันธมิตรหลักทางทหารของฟิลิปปินส์ ทั้งยังเป็นผู้ปกครองอาณานิคมฟิลิปปินส์จนถึงปี 1946
ดูเตอร์เตได้โชว์รูปและอ้างถึงเรื่องที่ทหารสหรัฐฯ สังหารชาวมุสลิมตอนที่อเมริกาบุกยึดฟิลิปปินส์ในช่วงต้นยุคปี 1900 ว่า เป็นเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้
เออร์เนสโต อาเบลลา โฆษกของดูเตอร์เต ระบุว่า คำแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางใหม่ในเรื่องนโยบายต่างประเทศที่มีความเป็นอิสระของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต
ผู้นำฟิลิปปินส์ยังได้ตำหนิโอบามา กับเลขาธิการยูเอ็น “บัน คี-มูน” เรื่องที่มาวิจารณ์การปราบปรามอาชญากรแบบนองเลือด จนทำให้มีคนตายราว 3,000 ราย ในช่วงเวลา 2 เดือน
“เจ้าโอบามาคนนี้ เมื่อแกกล่าวหาว่าฉันฆ่าคน ก็เอาสิ ใครคนไหนที่ไม่เคยทำบาป ก็ปาหินก้อนแรกมาได้เลย” ดูเตอร์เต กล่าวโดยอ้างถึงสำนวนในไบเบิล
ในการพบกันช่วงสั้น ๆ ที่ประเทศลาว โอบามาได้เรียกร้องให้ผู้นำฟิลิปปินส์ดำเนินการเกี่ยวกับสงครามปราบอาชญากรในแบบที่ถูกต้อง และก็ปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่ดูเตอร์เตไม่สนใจ โดยบอกว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของอเมริกา