เอเอฟพี - นักบินของสายการบินซาอุดีอาราเบียน แอร์ไลน์ส กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่ท่าอากาศยานในเมืองหลวงของฟิลิปปินส์เมื่อวันอังคาร(20ก.ย.) แต่ท้ายที่สุดแล้วก็พบว่านักบินเผลอไปกดปุ้มแจ้งเตือนถูกจี้เครื่องบินเท่านั้น
การบินพลเรือนของฟิลิปปินส์ระบุในถ้อยแถลงว่าตำรวจได้กันเครื่องบินไปยังพื้นที่ห่างไกลและปิดล้อมโบอิ้ง 777 ลำนี้ทันที หลังจากมันลงจอดที่สนามบินในกรุงมะลินาในตอนบ่ายวันอังคาร(20ก.ย.) ไม่นานหลังจากหนึ่งในนักบินส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายบ่งชี้ว่ากำลังเกิดเหตุจี้เครื่องบิน
ผู้โดยสารหลายร้อยคนของเที่ยวบิน 872 จากเมืองเจดดาห์ จำเป็นต้องอยู่บนเครื่องบินต่ออีก 2 ชั่วโมง ก่อนได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่องได้ตอนเวลาประมาณ 17.00น.(ตรงกับเมืองไทย 16.00น.) หลังได้รับคำยืนยันว่าไม่พบภัยคุกคามใดๆ
ไม่นานหลังได้รับสัญญาณแจ้งเหตุร้าย เจ้าหน้าที่ ณ หอควบคุมการบินมะนิลาได้รับคำยืนยันจากปากของนักบินว่าเขาเป็นคนกดปุ่ม แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้พูดว่าทำไปเพราะอะไร "หลังจากเครื่องบินลงจอดได้สักพักแล้ว เขาเพิ่งมาบอกว่ามันเป็นการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด" เมา อาปลาสคา หัวหน้าหน่วยความปลอดภัยด้านการบินของสนามบินมะนิลาบอกกับผู้สื่อข่าว
ในซาอุดีอาระเบีย โฆษกของสายการบินบอกกับเอเอฟพีเช่นกันว่าไม่มีภัยคุกคามด้านความปลอดภัยใดๆ "เที่ยวบิน872 แจ้งเตือนจี้เครื่องบินผิดพลาด"
การบินพลเรือนของฟิลิปปินส์ระบุในถ้อยแถลงว่านักบินได้กดปุ่มสัญญาณแจ้งเหตุร้ายมายังเจ้าหน้าที่ว่ากำลังเกิดเหตุจี้เครื่องบินบนเครื่อง "ทันทีหลังจากเจ้าหน้าที่สนามบินได้เลื่อนลำดับการลงจอดแก่เครื่องบิน มันก็มุ่งตรงไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนด้านความปลอดภัย" ถ้อยแถลงระบุ "ดูเหมือนนักบินจะพลาดกดปุ่มสัญญาณเตือน 7500" อ้างถึงการแจ้งเตือนจี้เครื่องบิน
อย่างไรก็ตามทางการบินพลเรือนของฟิลิปปินส์เผยว่ายังจำเป็นต้องมีการสืบสวนเพื่อยืนยันว่าทำไมถึงมีการกดปุ่มสัญญาณแจ้งเหตุร้าย "จะมีการกำหนดมาตรการลงโทษนักบินอย่างเหมาะสม หากผลสืบสวนพบว่ามันเป็นความผิดพลาดของมนุษย์"
เอ็ด มอนเรอัล ผู้จัดการทั่วไปของสนามบินบอกกับผู้สื่อข่าวว่ามีผู้โดยสาร 410 คนบนเครื่องบิน นักบิน 4 คนและลูกเรือ 17 คน ทั้งนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังกลับจากเดินทางไปแสวงบุญประจำปีในซาอุดีอาระเบีย
ไอดา มาจัด หนึ่งในผู้โดยสารเผยว่าพวกผู้โดยสารไม่ได้รับการบอกกล่าวว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่อง "ตอนที่เราเห็นกลุ่มชายติดอาวุธ เราคิดว่า เครื่องบินกำลังมีปัญหาอะไร เราต้องการรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น"
อย่างไรก็ตามเธอบอกว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ด้วยบางคนคาดเดาว่าบาทีประธานาธบดีโรดริโก ดูเตอร์เต อาจเดินทางมาสนามบินเพื่อต้อนรับนักแสวงบุญกลับบ้านและกลุ่มชายติดอาวุธที่ปิดล้อมเครื่องบิน น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขา
มาจัด เล่าต่อว่าผู้โดยสารทุกคนถูกตรวจค้นร่างกายอีกรอบหลังลงจากเครื่องบินเพื่อรับประกันว่าไม่มีใครพกพาอาวุธ ขณะเจ้าหน้าที่สนามบินเสริมว่าไม่มีความวุ่นวายด้านการจราจรใดๆ โดยเครื่องบินทั้งหลายยังสามารถขึ้นบินและลงจอดได้ตามปกติ เพราะได้มีการกันเครื่องบินลำดังกล่าวไปยังพื้นที่ห่างไกล