เอเจนซีส์ / MGR online - กระทรวงกลาโหมของไนเจอร์แถลงในวันเสาร์ (17 ก.ย.) ยืนยันสามารถปลิดชีพสมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไนจีเรียได้อย่างน้อย 38 ศพ ระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบสุดโต่งในเขตดิฟฟา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงในวันเสาร์ (17) ของพันเอก มุสตาฟา มิเชล เลอดรู โฆษกกระทรวงกลาโหมของไนเจอร์ ที่มีการถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกของวันศุกร์ (16) ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารร่วมระหว่างกองทัพของไนเจอร์กับกองทัพของชาดที่เป็นเพื่อนบ้าน สามารถปลิดชีพนักรบของกลุ่มโบโก ฮารัม จากไนจีเรียที่รุกล้ำพรมแดนไนเจอร์เข้ามาก่อความรุนแรงในพื้นที่ของเขตดิฟฟาได้แล้วอย่างน้อย 38 ราย แต่มีกำลังพลของกองทัพไนเจอร์ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับกลุ่มสุดโต่งดังกล่าวอย่างน้อย 5 นาย
ก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยของไนเจอร์แถลงในวันพุธ (14 ก.ย.) ระบุมีทหารของฝ่ายตนเสียชีวิตจำนวน 5 นาย และมีสมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัมถูกสังหารอย่างน้อย 30 ราย ในระหว่างการยิงปะทะต่อเนื่องนาน 5 วันที่เริ่มเปิดฉากขึ้นตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยไนเจอร์ระบุว่า ทางกองทัพของตนและกำลังทหารจากชาดที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการเพื่อขับไล่นักรบกลุ่มโบโก ฮารัมจากไนจีเรียที่ข้ามชายแดนเข้ามาก่อเหตุโจมตีบริเวณหมู่บ้านตูมูร์ที่ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของเขตดิฟฟาของไนเจอร์ราว 75 กิโลเมตร
โดยการปะทะกันนาน 5 วันซึ่งเปิดฉากตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาส่งผลให้มีทหารไนเจอร์เสียชีวิตจำนวน 5 นาย ขณะที่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัมถูกสังหารไปอย่างน้อย 30 ราย และถูกจับกุมได้ 2 ราย พร้อมทั้งยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน หมู่บ้านตูมูร์ดังกล่าวเพิ่งถูกบุกโจมตีโดยนักรบกลุ่มโบโกฮารัมมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้มีชาวบ้านถูกสังหารไปอย่างน้อย 5 ราย ขณะที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมสุหนี่หัวสุดโต่งกลุ่มนี้เพิ่งก่อเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการของกองทัพไนเจอร์ในเมืองบอสโซ ส่งผลให้มีทหารไนเจอร์เสียชีวิตจำนวน 27 นาย
ทั้งนี้ ปัญหาความไม่สงบและเหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มติดอาวุธโบโกฮารัมที่เริ่มปะทุ ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2009 ส่งผลให้เวลานี้มีชาวไนจีเรีย และผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านรายรอบ “ภูมิภาคทะเลสาบชาด” ทั้ง ชาด แคเมอรูน และไนเจอร์ ต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพแล้วกว่า 20 ล้านราย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี มูฮัมมาดู บูฮารี ผู้นำไนจีเรียประกาศกร้าวเมื่อเดือนธันวาคม ระบุกองทัพไนจีเรียเป็นฝ่ายมีชัยชนะในทางเทคนิคเหนือกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโกฮารัม” แล้ว โดยยืนยันว่าทางกองทัพสามารถทำลายศักยภาพในการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มสุดโต่งที่เคลื่อนไหวอยู่ทางภาคเหนือของประเทศกลุ่มนี้ลงได้อย่างสำคัญ
ผู้นำดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดของทวีปแอฟริกาเผยผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์บีบีซี โดยระบุการกวาดล้างอย่างหนักของกองทัพไนจีเรียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำลายขีดความสามารถในการก่อเหตุโจมตีเต็มรูปแบบของกลุ่มโบโกฮารัมลงได้อย่างสำคัญ จนกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งกลุ่มนี้ต้องหันไปใช้เพียงการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในระยะหลัง นั่นหมายความว่าทางการไนจีเรียเป็นฝ่ายที่มีชัยชนะในทางเทคนิคเหนือกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้แล้ว ถึงแม้จะยังไม่สามารถกำจัดกลุ่มโบโกฮารัมได้อย่างสิ้นซากก็ตาม
ก่อนหน้านี้อดีตนายพลชื่อดังอย่างบูฮารีที่สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งผู้นำไนจีเรียได้เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ประกาศกำหนดเส้นตายให้ทางกองทัพขุดรากถอนโคนภัยคุกคามจากกลุ่มโบโกฮารัมภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2015 และประกาศเดินหน้าสร้างงานและขยายโอกาสการศึกษาแก่บรรดาเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หวังป้องกันมิให้เยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธนี้ ที่มีจุดมุ่งหมายในการสถาปนาการปกครองแบบรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในภาคเหนือของ ไนจีเรีย
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโกฮารัม ซึ่งดำเนินมานานกว่า 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2009 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 20,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีกเกือบ 20 ล้านคน ต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตัวเอง โดยในระยะหลังกลุ่มโบโกฮารัมซึ่ง ต้องการสถาปนา “รัฐอิสลามสุดโต่ง” ขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรียได้เริ่มข้ามเขตแดนไปก่อเหตุรุนแรงในประเทศไนเจอร์ แคเมอรูน และชาด ต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย และอิรัก ไปก่อนหน้านี้