เสียงคำรามของปืนและอาวุธชนิดต่างๆ เงียบหายไป เมื่อข้อตกลงหยุดยิงฉบับล่าสุดนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ในตอนที่ดวงอาทิตย์ตกเมื่อวันจันทร์ (12) โดยที่ขั้นตอนต่อไปซึ่งคาดหวังกันว่าจะเกิดขึ้นก็คือ จะมีการรีบเร่งจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปให้แก่พลเรือนจำนวนมากซึ่งต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดท่ามกลางสงครามอันยืดเยื้อ
ในเมืองอะเลปโป เมืองสำคัญอันดับสองของซีเรียซึ่งกลายเป็นสมรภูมิหลักแห่งหนึ่งในการสู้รบช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าผู้สื่อข่าวให้เอเอฟพีทั้งในพื้นที่เขตตะวันออกที่พวกกบฏกลุ่มต่างๆ ยึดครองอยู่ และในพื้นที่เขตตะวันตกซึ่งรัฐบาลยึดครองไว้ ต่างรายงานว่าช่วงคืนวันจันทร์ผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุการโจมตีทางอากาศหรือการยิงจรวดใดๆ
ชาวเมืองอะเลปโปยังคงออกมาอยู่กันตามท้องถนนจวบจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน เป็นการฉวยใช้ประโยชน์จากการว่างศึกเพื่อเฉลิมฉลองวันแรกของเทศกาลวันหยุดอีดิ้ลอัฎฮาของชาวมุสลิม
ทางด้านผู้สื่อข่าวให้เอเอฟพีในเมืองหลวงดามัสกัส ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ของเมืองซึ่งรัฐบาลครอบครองอยู่ และตามย่านชานเมืองที่อยู่ในการควบคุมของพวกกบฏ ก็รายงานว่าสถานการณ์อยู่ในความเงียบสงบเช่นเดียวกัน
ขณะที่กลุ่มผู้สังเกตการณ์ชาวซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน (Syrian Observatory for Human Rights) ซึ่งตั้งฐานอยู่ในอังกฤษและอาศัยรายงานของพวกนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลภายในพื้นที่ต่างๆ ของซีเรีย แจ้งว่าแนวรบแห่งหลักๆ ต่าง “อยู่ในความสงบอย่างสมบูรณ์”
รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า “ยังเร็วเกินไปมากที่จะมีข้อสรุปใดๆ” เกี่ยวกับผลสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็เร่งเร้าให้ทุกๆ ฝ่ายฉวยคว้าโอกาสคราวนี้เอาไว้ให้มั่นคง
“สำหรับความสงสัยข้องใจทั้งหลายทั้งปวงที่ยังดำรงคงอยู่ รวมทั้งยังจะเกิดความท้าทายต่างๆ ขึ้นมาในวันต่อๆ ไปอย่างแน่นอนอีกด้วย (แต่ถึงอย่างไร) แผนการนี้ก็แสดงให้เห็นเห็นว่ามีโอกาสที่จะบังเกิดผล” ทั้งนี้เคร์รีหมายถึงข้อตกลงหยุดยิงซีเรียซึ่งเขากับรัฐมนตรีต่างประเทศเซียร์เกย์ ลาฟรอฟ จัดทำกันขึ้นมาเมื่อวันศุกร์ (9) ภายหลังการเจรจาต่อรองกันอยู่นานหลายสัปดาห์
“ผมขอรบเร้าทุกๆ ฝ่ายให้ความสนับสนุนข้อตกลงนี้ เพราะมันน่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับใครก็ตามที่ต้องการรักษาประเทศซีเรียที่ยังคงเป็นเอกภาพเอาไว้” เขากล่าวต่อ
เราสามารถนอนหลับได้
ในเมืองตอลบิสเซห์ เมืองเล็กๆ ทางตอนกลางของซีเรียที่อยู่ใต้การยึดครองของฝ่ายกบฎ และถูกระดมโจมตีอย่างหนักหน่วงในช่วงก่อนถึงกำหนดหยุดยิง นักเคลื่อนไหว ฮันซาน อาบู นูห์ บอกกับเอเอฟพีว่า การถล่มทิ้งระเบิดของฝ่ายรัฐบาลได้ยุติลงแล้ว
“ปกติเราจะต้องตื่นกันอยู่ตลอดทั้งคืนเนื่องจากเครื่องบิน แต่ต้องขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เมื่อคืนนี้เราสามารถนอนหลับได้ยาวๆ” เขากล่าว
ทางด้าน นาเยฟ มุสตาฟา ก็บอกกับเอเอฟพีจากเมืองซัลกิน ว่า “คราวนี้ เราสามารถนอนหลับได้เป็นอย่างดี เมื่อคืนนี้น่าอัศจรรย์มาก”
แต่เขาก็แสดงความข้องใจสงสัยว่าการหยุดยิงนี้จะใช้บังคับกันได้ยาวนานแค่ไหน
“ผู้คนกำลังคาดหวังเพียงแค่ว่ามันจะสงบกันในช่วงเทศกาลวันหยุด (อีดิ้ลอัฎฮา) นี่แหละ” เขาบอก
ข้อตกลงคราวนี้ถือเป็นครั้งล่าสุดของความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะยุติการสู้รบระหว่างกองกำลังอาวุธที่สนับสนุนระบอบปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด กับพวกกบฏต่างๆ ที่ไม่ใช่พวกนักรบญิฮาดสุดโต่ง
ทั้งนี้ กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) และกลุ่มแนวร่วม ฟาเตห์ อัล-ชาม ฟรอนต์ ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อจากแนวร่วม อัล-นุสรา ฟรอนต์ ที่ถือว่าอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ ต่างไม่ได้ร่วมอยู่ในข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีสหรัฐฯ กับรัสเซียเป็นคนกลางคราวนี้
ความพยายามครั้งที่ผ่านๆ มาเพื่อยุติการสู้รบขัดแย้งซึ่งได้สังหารผลาญชีวิตผู้คนไปกว่า 290,000 คนนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ล้วนแล้วมาจบลงด้วยความล้มเหลว
ตามข้อตกลงล่าสุดนี้ หลังมีการหยุดยิงแล้วก็จะติดตามมาอย่างรวดเร็วด้วยการจัดส่งความช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการกันอย่างเหลือเกินให้แก่พลเรือนหลายแสนคนที่อาศัยกันในบรรดาพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตตะวันออกของเมืองอะเลปโปซึ่งพวกกบฎยึดครองอยู่
ข้อตกตลงหยุดยิงคราวนี้มีกำหนดระยะเวลา โดยให้มีการต่ออายุกันใหม่ทุกๆ 48 ชั่วโมง และหากสามารถรักษากันไปได้ถึง 1 สัปดาห์แล้ว มอสโกกับวอชิงตันก็จะเริ่มต้นการปฏิบัติการสู้รบร่วมกัน อันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อพุ่งเป้าปราบปรามกองกำลังอาวุธฝ่ายนักรบญิฮาด
ถัดจากนั้นก็จะเป็นการเปิดการเจรจาสันติภาพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยที่ มิคาอิล บ็อกดานอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า สตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนพิเศษว่าด้วยซีเรียของสหประชาชาติ น่าจะเชื้อเชิญคณะผู้แทนองทางรัฐบาลและของทางฝ่ายค้านกลับมาเจรจาสันติภาพกันใหม่ “ในตอนเริ่มต้นของเดือนตุลาคม”
ขณะที่ เคร์รีย้ำว่า การหวนกลับคืนสู่การเจรจาสันติภาพที่มียูเอ็นเป็นคนกลางนี้ เป็น “หนทางแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและเป็นไปได้” เพียงหนทางเดียวที่มีอยู่
ฝ่ายกบฏยังอิดออดรีรอ
จนถึงเวลานี้กลุ่มกบฎต่างๆ ที่ไม่ใช่พวกญิฮาด หรือที่เรียกขานกันว่า “ฝ่ายค้าน” ในซีเรีย ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงล่าสุดคราวนี้อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด โดยพวกเขาเรียกร้องให้มีหลักประกันอันน่าพอใจ เกี่ยวกับวิธีตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลง ก่อนที่จะเอาด้วยกับข้อตกลงที่สหรัฐฯ กับรัสเซียเป็นคนกลางนี้
ในคำแถลงร่วมของกลุ่มกบฎต่างๆ จำนวนราว 20 กลุ่ม ซึ่งออกมาเมื่อตอนดึกของวันจันทร์ (12) ระบุว่า พวกเขาไม่สามารถสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงนี้ได้ จนกว่าชะตากรรมความทุกข์ยากของพลเรือนทั้งหลายจะยุติลง
คำแถลงร่วมของกลุ่มกบฏบอกว่า หากยังไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ พวกเขาก็ “ไม่มีทางเลือก … นอกจากยังต้องดำเนินการสู้รบต่อต้านระบอบปกครองและพันธมิตรของพวกเขาต่อไป จนกระทั่งถึงกระสุนนัดสุดท้ายและนักรบคนสุดท้าย”
สำหรับฝ่ายกบฏแล้ว ส่วนที่เป็นปัญหาสำคัญยิ่งส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงนี้ ได้แก่ส่วนซึ่งเรียกร้องให้กบฏที่ไม่ใช่นักรบญิฮาดทั้งหลาย แยกตัวออกมาจากกลุ่มแนวร่วมฟาเตห์ อัล-ชาม ก่อนที่การปฏิบัติการร่วมของสหรัฐฯ-รัสเซียเพื่อเล่นงานปราบปรามกลุ่มอดีตเครือข่ายอัลกออิดะห์นี้จะเริ่มต้นขึ้น
ทว่ากลุ่มกบฏอิสลามิสต์จำนวนมากทีเดียว มีการร่วมมือประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ ฟาเตห์ อัล-ชาม และกบฏอิสลามิสต์กลุ่มใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือกลุ่ม อาห์รอร์ อัล-ชาม ที่มีอำนาจอิทธิพลสูงมาก ได้ออกมาปฏิเสธแล้วไม่ยอมรับเงื่อนไขในข้อตกลงของมอสโก-วอชิงตันนี้
สำหรับรัฐบาลซีเรียและพวกพันธมิตรได้ประกาศให้การสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงนี้ โดยที่กองทัพซีเรียประกาศว่า จะ “แช่แข็ง” การปฏิบัติการทางทหารในซีเรียเอาไว้เป็นเวลา 7 วัน
กระนั้นในวันจันทร์ (12) ประธานาธิบดีอัสซาดแถลงว่า ระบอบปกครองของตนยังคง “มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะกอบกู้พื้นที่ทุกๆ ส่วนกลับคืนมาจากพวกผู้ก่อการราย”
“กองทัพกำลังปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาอย่างไม่ย่นระย่อและอย่างปราศจากความลังเล โดยไม่คำนึงถึงสภาวการณ์ภายในหรือภายนอกใดๆ” เขากล่าวขณะไปตรวจเยี่ยมที่มั่นซึ่งเคยเป็นของฝ่ายกบฏแห่งหนึ่งใกล้ๆ กรุงดามัสกัส