เอเจนซีส์ - “ปูติน” เปิดบ้านต้อนรับ “แอร์โดอัน” อันชื่นมื่น ประกาศฟื้นสัมพันธ์รัสเซีย-ตุรกี นอกจากญาติดีกับมอสโกซึ่งเป็นศัตรูตัวกลั่นของตะวันตกแล้ว อังการายังตีฝีปากกดดันวอชิงตันอย่าคิดแลกความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพื่อปกป้องนักวิชาการศาสนาที่เป็นตัวการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีเมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมระบุอียูผิดพลาดมหันต์จากการแสดงท่าทีต่อต้านการกวาดล้างกลุ่มปรปักษ์รัฐบาลในตุรกี
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ผู้นำตุรกี ประกาศเดินหน้าฟื้นความสัมพันธ์เมื่อวันอังคาร (9 ส.ค.) ภายหลังเจรจาหารือกันที่นครเซนปิเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย อันเป็นเมืองเกิดของปูติน นับเป็นการพบปะกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสองภายหลังเหตุการณ์เครื่องบินขับไล่ตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตกที่บริเวณชายแดนซีเรียติดต่อกับตุรกีในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และก็ถือเป็นครั้งแรกที่แอร์โดอันเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจแต่ล้มเหลวที่ตุรกีเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อันนำไปสู่การล้างบางกลุ่มต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ และทำให้ความสัมพันธ์กับตะวันตกอยู่ในภาวะปีนเกลียว
ปูตินยืนยันว่า อาจมีความยากลำบากและต้องใช้เวลาในการฟื้นการค้าให้กลับขึ้นสู่ระดับก่อนหน้าเหตุยิงเครื่องบิน โดยที่รัสเซียจะค่อยๆ ยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อตุรกีที่ประกาศใช้สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าว
กระนั้น ผู้นำทั้งคู่เห็นตรงกันว่า ต้องการรื้อฟื้นเดินหน้าโครงการพลังงานขนาดใหญ่ที่ต้องพับไป ซึ่งรวมถึงการร่วมมือกันในโครงการสร้างสายท่อส่งก๊าซ “เติร์กสตรีม” มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะนำก๊าซรัสเซียมายังตุรกีเพื่อจ่อส่งต่อไปยังชาติยุโรป และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่บริษัทรัสเซียจะสร้างในตุรกี
ด้านแอร์โดอันแสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์สองประเทศจะมั่นคงขึ้น และย้ำว่า การที่ปูตินเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกๆ ที่โทรศัพท์ให้กำลังใจและการสนับสนุนเขา ภายหลังเกิดการก่อรัฐประหาร ถือว่ามีความสำคัญมาก
ทั้งคู่ยังหารือเรื่องวิกฤตซีเรีย ซึ่งที่ผ่านมาเป็นประเด็นที่ไม่อาจลงรอยกันได้ โดยขณะที่มอสโกหนุนหลังรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด อังการากลับต้องการให้อัสซาดล้มหายตายจากไป รวมทั้งรัสเซียยังกล่าวหาตุรกีว่าให้ที่พักพิงและจัดส่งเสบียงสัมภาระแก่กลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)
ในเวลาต่อมา เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เปิดเผยเมื่อวันพุธ (10) ว่า ตุรกีและรัสเซียเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องมีการหยุดยิงในซีเรีย รวมทั้งเห็นพ้องเรื่องการจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และแนวทางการเมืองเพื่อยุติวิกฤต โดยตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม กองทัพ และหน่วยข่าวกรองของตุรกี จะเดินทางไปหารือขยายผลเรื่องนี้ที่รัสเซียในวันพุธ (10)
ตะวันตกติดตามการพบกันของปูตินและแอร์โดอันที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตาไม่กะพริบ เนื่องจากกังวลว่า ตุรกีซึ่งเป็นสมาชิกนาโต (องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ) และกำลังมีอนาคตมืดมน จะหันไปสนิทชิดเชื้อกับรัสเซียที่กำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจราคาน้ำมันขาลงและการแซงก์ชันของตะวันตกจากกรณียูเครน ทั้งนี้ เพื่อกดดันอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแอร์โดอันป่าวร้องว่า ผิดหวังกับวอชิงตันและบรัสเซลส์มากจากปฏิกิริยาที่มีต่อเหตุกบฏในตุรกี
ถึงแม้อังการายืนยันว่า การที่แอร์โดอันเยือนรัสเซียไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ แต่ดูเหมือนท่าทีของผู้นำในรัฐบาลจะเป็นไปในทิศทางตรงข้าม
เมื่อวันอังคาร (9) เบกีร์ บอสแด็ก รัฐมนตรียุติธรรมตุรกี กล่าวขณะให้สัมภาษณ์ทางทีวีว่า หากอเมริกาไม่ส่งตัวเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน ผู้อยู่เบื้องหลังการพยายามก่อรัฐประหารโค่นรัฐบาลตุรกีเมื่อเดือนที่แล้ว จะเท่ากับเป็นการยอมแลกความสัมพันธ์กับตุรกีเพื่อช่วยเหลือผู้ก่อการร้าย รวมทั้งย้อนถามว่า ถ้าคนที่ก่อความรุนแรงในอเมริกาหลบอยู่ในตุรกี อเมริกาจะทำอย่างไร
อังการานั้นเฝ้าเรียกร้องให้วอชิงตันส่งตัวกูเลน นักการศาสนาชาวตุรกีวัย 75 ปีที่ลี้ภัยอยู่ในอเมริกา กลับไปรับการพิจารณาคดี ทว่า เจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหาหนักแน่น ขณะที่อเมริกายืนกรานขอหลักฐานที่ชัดเจนจากตุรกี
บอซแด็กสำทับว่า ขณะนี้กระแสต่อต้านอเมริกาในตุรกีทวีความรุนแรงขึ้นจากกรณีกูเลน และขอให้อเมริการีบดำเนินการเรื่องนี้ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลง
ที่วอชิงตัน เอลิซาเบธ ทรูโดว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การใช้ถ้อยคำโวหารของตุรกีเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ส่วนการส่งตัวกูเลนก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายภายใต้สนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนปี 1981 ที่สองประเทศลงนามร่วมกัน
ทรูโดว์ยังประณามรายงานของสื่อตุรกีว่า วิลสัน เซนเตอร์ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการของอเมริกา เกี่ยวข้องกับการพยายามรัฐประหารในตุรกี
ในวันรุ่งขึ้นคือวันพุธ (10) คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีว่า การที่อียูแสดงท่าทีคัดค้านการปราบปรามเครือข่ายกบฏของตุรกีถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง และทำให้จำนวนคนตุรกีที่สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอียูลดลงอย่างชัดเจน
คาวูโซกลูย้ำว่า การที่อังการาฟื้นความสัมพันธ์กับมอสโกไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณใดๆ เนื่องจากหากตุรกีหันหลังให้ตะวันตก นั่นเป็นเพราะความผิดพลาดของตะวันตกเอง ไม่ได้เป็นเพราะอังการาผูกมิตรกับรัสเซีย จีน หรือโลกอิสลามแต่อย่างใด