xs
xsm
sm
md
lg

“ครม.ญี่ปุ่น” อนุมัติแพกเกจกระตุ้น ศก.รอบใหม่ มุ่งผลักดันอัตราจีดีพีที่ชะงักงัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ (กลาง) เคียงข้างด้วยรัฐมนตรีคลัง ทาโร อาโซะ (ขวา) และรัฐมนตรีพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โนบูเตรุ อิชิฮาระ (ซ้าย)  ออกมานั่งให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบทางการของอาเบะ ในกรุงโตเกียว วันนี้ (2 ส.ค.)  ทั้งนี้ ที่ประชุมอนุมัติแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ที่มีมูลค่าสูงกว่า 28 ล้านล้านเยน </i>
เอพี/เอเจนซีส์ - คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในวันนี้ (2 ส.ค.) ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 28 ล้านล้านเยน (275,000 ล้านดอลลาร์) นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่จะผลักดันให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งกำลังชะงักงันอยู่ได้หวนกลับเข้าร่องเข้ารอย

อาเบะขนานนามให้แก่แพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ว่า “การลงทุนสำหรับอนาคต” และจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างงบประมาณเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติในการประชุมสมัยวิสามัญซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน

แพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจคราวนี้มุ่งโฟกัสไปที่ภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น รวมทั้งมีงบประมาณเพื่อสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมดูแลเด็กและคนชรา เพื่อให้สตรีจำนวนเพิ่มมากขึ้นสามารถทำงานแบบเต็มเวลาได้ ในภาวะที่กำลังแรงงานของแดนอาทิตย์อุทัยกำลังหดเล็กลง สืบเนื่องจากประชากรมีอายุสูงขึ้นทุกที

เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในภาวะชะงักงันมาหลายปีแล้ว โดยมีระยะของอัตราเติบโตรวดเร็วขึ้นก็เพียงแค่ช่วงสั้นๆ ขณะที่บริษัทต่างๆ มุ่งเน้นหนักไปลงทุนในตลาดต่างแดนซึ่งมีอัตราเติบโตว่องไวกว่า

พวกนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า แพกเกจมาตรการกระตุ้นที่อนุมัติกันในวันนี้ (2) แท้ที่จริงแล้วประกอบด้วยงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลจริงๆ เพียงแค่ 7.5 ล้านล้านเยน (73,500 ล้านดอลลาร์) อีกทั้งแบ่งกระจายให้ใช้จ่ายกันในช่วงเวลาหลายปี นอกนั้นอยู่ในรูปของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และงบประมาณใช้จ่ายที่จะมาจากภาคเอกชน

“การเผยแพร่ตัวเลขงบประมาณรายจ่ายแบบมุ่งพาดหัวให้เกินจริงไปมากเช่นนี้ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย และดูจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์อย่างยืดเยื้อเรื้อรัง” มาเซล ตีเลียนต์ แห่งแคปิตอล อีโคโนมิกส์ พูดไว้เช่นนี้ในบทวิจารณ์ชิ้นหนึ่ง

เขากล่าวต่อไปว่า การที่ทางการทำนายว่าแพกเกจนี้จะช่วยเพิ่มอัตราเติบโตของจีดีพีญี่ปุ่นให้สูงขึ้นเพียงแค่ 1.3% นั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาลก็ไม่ได้เชื่อถือตัวเลขของตนเอง”

ขณะเดียวกัน โครงการงานโยธาต่างๆ ซึ่งจะได้เงินใช้จ่ายจากการออกพันธบัตรรัฐบาลก็กำลังก่อให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาระหนี้สินภาคสาธารณะของญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันก็อยู่ในระดับสูงลิบลิ่วจนน่าวิตกอยู่แล้ว นั่นคือเป็นกว่า 2 เท่าตัวของขนาดเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยทีเดียว
<i>บรรยากาศงานการแข่งขันโยนห่วงของคนชรา ซึ่งจัดขึ้นที่ยิมเนเซียมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ในภาพจากแฟ้มภาพนี้ซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2016  ทั้งนี้ในแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่น  มีมาตรการซึ่งมุ่งส่งเสริมงานดูแลคนชรารวมอยู่ด้วย </i>
นับแต่ที่อาเบะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคราวนี้เมื่อปลายปี 2012 เขาก็พยายามหาทางกระตุ้นอัตราเติบโตของเศรษฐกิจ ด้วยการปล่อยเงินปริมาณมหาศาลเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ทว่าการผ่อนคลายทางการเงินอย่างเต็มเหนี่ยว และการใช้จ่ายทางการคลังต่างๆ แม้สามารถทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นบ้างในช่วงแรกๆ แต่ต่อมาก็กลับหมดฤทธิ์เดช ไม่อาจผลักดันการเติบโตได้มากอย่างที่วาดหวังกัน

สำหรับแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลอาเบะ ซึ่งมีทั้งส่วนที่จะเป็นงบประมาณรายจ่ายของรัฐเอง และส่วนที่มาจากช่องทางอื่นๆ นั้น ประกอบด้วย :

**3.5 ล้านล้านเยน (34,300 ล้านดอลลาร์) สำหรับใช้จ่ายในมาตรการต่างๆ ซึ่งมุ่งขยายการสนับสนุนงานดูแลเด็กและคนชรา เป็นต้นว่า การปรับปรุงเพิ่มเงินเดือนและผลตอบแทนอื่นๆ ให้แก่ผู้ทำหน้าที่ดูแล เพื่อเป็นการจูงใจให้มีคนเข้าทำงานด้านนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเริ่มนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในสถานดูแลซึ่งขาดแคลนแรงงาน นอกจากนั้นเงินในส่วนนี้ยังจะใช้สำหรับมาตรการอย่างเช่น การให้เงินสงเคราะห์เพื่อส่งเสริมให้สตรีมีบุตร และลางานมาดูแลบุตร, การให้ทุนการศึกษาและเงินกู้แก่นักเรียนนักศึกษา

**จ่ายเงินสงเคราะห์ 15,000 เยน (ราว 147 ดอลลาร์) แก่ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย

**10.7 ล้านล้านเยน (105,000 ล้านดอลลาร์) สำหรับโครงการต่างๆ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคเศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรืองขยายตัว ด้วยการขยายท่าเรือต่างๆ ให้สามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่พิเศษ, ยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของสนามบิน และเร่งรัดโครงการทางรถไฟความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยี “แมกเลฟ” (maglev)

**เงินอุดหนุนให้แก่ผู้ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อื่นๆ

**10.9 ล้านล้านเยน (106,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งถูกกระทบกระเทือนจากการที่อังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

**3 ล้านล้านเยน (29,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อใช้จ่ายในงานฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อปี 2011 และจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เล่นงานภาคใต้ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายนปีนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น