รอยเตอร์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยตามเดิมในวันพุธ (27 ก.ค.) แต่บอกว่าความเสี่ยงระยะสั้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกาลดลงแล้ว เปิดประตูสำหรับหวนสู่แนวทางกระชับนโยบายทางการเงินในช่วงปลายปี
เฟดระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอัตราปานกลางและการจ้างงานแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน พร้อมเผยว่าตัวเลขใช้จ่ายภาคครัวเรือนก็กำลังเติบโตอย่างแข็งแรงเช่นกัน และชี้ว่ามีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแรงงานเพิ่มขึ้น
ในขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายบอกว่ายังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อข้อมูลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์ภาคการเงิน พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีความกังวลน้อยลงต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นความช็อกต่างๆ ที่อาจผลักเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลุดจากเสันทาง
“ความเสี่ยงระยะสั้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจลดลงแล้ว” คณะกรรการกำหนดนโยบายการเงินเฟดระบุในถ้อยแถลง ตามหลังการประชุม 2 วันที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ระดับ 0.25 เปอร์เซ็นต์ ถึง 0.50 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเน้นว่าอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์มีการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยมาตั้งแต่ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ทศวรรษเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน และส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปี 2016
กระนั้นก็ตาม พวกเขาปรับลดจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยลงมาเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเฟดออกประมาณการใหม่ ที่พวกเขาปรับลดคาดหมายการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลง
แม้การเติบโตของการจ้างงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนที่แล้วและเศรษฐกิจใกล้จ้างงานเต็มพิกัด แต่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเฟดแนะให้ระมัดระวังการขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าการมุ่งหน้าสู่เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2 เปอร์เซ็นต์ของเฟดจะมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปเป็นร่าง โดยเฟดอ้างถึงอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 1.6 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าเป้าหมายมากว่า 4 ปีแล้ว
ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความผัวผวนของตลาดการเงินและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของผลโหวตสหราชอาณาจักรแยกตัวจากสหภาพยุโรป ได้ก่อแรงกดดันซ้ำๆ ให้เฟดเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากผลโหวตที่เรียกกันว่า “เบร็กซิต” ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหมายเร็วๆ นี้ ขณะที่สถานการณ์ที่คลี่คลายในตลาดการเงินก็ช่วยคลายความกังวลเช่นกัน
ที่ประชุมนโยบายของเฟดเหลืออีก 3 หนในปีนี้ ในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ทั่วไปแล้วมองว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน เพราะการประชุมดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียง 1 สัปดาห์
