เอเอฟพี - อดีตนายกรัฐมนตรี เควิด รัดด์ แห่งออสเตรเลีย ออกมาประกาศความคาดหวังที่จะทำหน้าที่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คนที่ 9 ต่อจาก บัน คีมูน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียเสนอชื่อตนเข้ารับตำแหน่งสำคัญนี้
ที่ผ่านมามีบุคคลสำคัญหลายคนที่ประกาศตัวว่าสนใจตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็น รวมถึง อีรินา โบโกวา ผู้อำนวยการองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และอดีตนายกรัฐมนตรี เฮเลน คลาร์ก แห่งนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เป็นต้น
รัดด์ ซึ่งพูดภาษาจีนกลางได้คล่องแคล่ว เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระหว่างปี 2007-2010 และสมัยที่ 2 ในปี 2013 ปัจจุบันเป็นประธานสถาบัน Asia Society Policy Institute ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในนครนิวยอร์ก
จูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์วันนี้ (18 ก.ค.) ว่า รัดด์ได้ร้องขอต่อรัฐบาลอย่างเป็นทางการให้ช่วยสนับสนุนเขาขึ้นนั่งตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่
“คุณเควิน รัดด์ ขอให้รัฐบาลออสเตรเลียเสนอชื่อเขา และอย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปแล้วหลายครั้งว่า เรื่องนี้ต้องให้คณะรัฐมนตรีตัดสินใจ” บิชอป ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวสกายนิวส์
“ดิฉันจะช่วยผลักดันเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เธอกล่าว
บัน คีมูน ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2007 และกำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการสมัครชิงเก้าอี้เลขาธิการยูเอ็นจะต้องได้รับการเสนอชื่อจากรัฐบาลของตนเท่านั้น
ตลอดหลายสิบปีมานี้ การคัดเลือกเลขาธิการใหญ่ยูเอ็นเป็นหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสมาชิกถาวรทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งได้แก่ อังกฤษ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ โดยกระบวนการสรรหามักถูกปิดเป็นความลับ
อย่างไรก็ตาม ปีที่แล้วสมัชชาใหญ่ยูเอ็นได้โหวตให้มีการปฏิรูปกระบวนการสรรหาเสียใหม่ โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องส่งใบสมัครและประวัติการทำงาน รวมถึงปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการเพื่อแสดงวิสัยทัศน์
แม้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะยังมีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่กระบวนการสรรหาที่เปิดกว้างกว่าเดิมก็น่าจะเป็นแรงกดดันให้ชาติมหาอำนาจต้องเลือกบุคคลที่สอดคล้องกับความต้องการของรัฐสมาชิกยูเอ็นส่วนใหญ่
รัดด์ ชนะศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2007 ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย และก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำออสเตรเลียต่อจาก จอห์น โฮเวิร์ด แต่รัฐบาลเทอมแรกของรัดด์ก็ต้องสิ้นสุดลงเนื่องจากกระแสความไม่พอใจสไตล์การบริหารประเทศของเขา
รัดด์ กลายเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยของนายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด ช่วงปี 2010-2012 ก่อนจะพลิกกลับมาสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคแรงงาน และนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองในเดือน มิ.ย. ปี 2013
รัดด์ ประกาศยุติอาชีพนักการเมืองในเดือน พ.ย.ปีเดียวกัน หลังจากที่พ่ายศึกเลือกตั้งให้แก่ โทนี แอบบ็อตต์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมจากพรรคลิเบอรัล
อดีตนักการทูตผู้นี้ได้ศึกษาเรื่องจีนมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งยังเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีแนวคิดมองออกไปภายนอก (outward-looking) และชื่นชอบการเดินทางจนได้ฉายาว่า “เควิน 747”